วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555
เรียน DMERT ตอบโต้ภัยพิบัติ วันที่ 1-2
DMERT ย่อมาจาก Disaster Medical Emergency Response Team แปลตรงตัคือ ชุดทีมแพทย์ตอบโต้ภัยพิบัติ จัดการสอนโดย สพฉ. โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้มีความรู้จากหลายหน่วยงาน
==DMERT mod.1 day1==
Sessionเช้า เป็นบทเรียนเกี่ยวกับการจัดการเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติ ระบบ MAC system , MEMU , SDRT คำย่อพวกนี้ผมไม่เคยเจอมาก่อนเช่นกัน แต่หากอยากรู้สามารถค้นๆในเนต ก็จะเจอข้อมูลความรู้ภาษาอังกฤษ พอสมควร ในภาษาไทย ยังไม่มี จากนั้นตอนบ่าย มี session เงื่อนเชือกโดยครูฝึกจาก กองพันเสนารักษ์ที่2 กองพลราบที่2รักษาพระองค์ เหมือนเป็นรื้อฟื้นวิชาลูกเสือครับ ครูฝึกเตรียมเชือกมาให้พวกเราเล่นกันด้วย กว่าจะเป็นเล่นเอามึนกับเงื่อนพอสมควรครับ จุดไคลแม๊กสำหรับวิชานี้คือ หารทำเชือกโรยตัวครับ ทุกคนต้องมัดเชือกโรยตัว เพื่อใช้ในวันต่อไปได้ พวกเราทานอาหารเย็น ก่อนที่จะมา Session หัวค่ำ(งานนี้ค้างคืนที่ ดับเพลิง ทอท.ครับ) เป็นกิจกรรมสันทนาการ โดยทีมครูฝึกที่สอนวิชาเงื่อนเชือก เลิกกิจกรรมก็เกือบๆ 3 ทุ่ม แล้วก็เข้าพักใน ดพ.ทอท. บรรยากาศรันเวย์ข้างหน้างดงาม เงียบสงบ ผมนั่งดื่มด่ำบรรยากาศตรงนี้สักพัก ก่อนจะเข้านอนเก็บแรงไป PT ตอนเช้า
==DMERT mod.1 day2==
เช้านี้ตื่นมา PT แต่ตีห้าครึ่งครับ มีครูฝึกมานำ PT เรื่องนี้บ่ยั่นครับ แรงยังดีอยู่ เป็นห่วงพี่ๆ หลังจะเดาะ เข่าจะเสื่อมเอา เสร็จแล้วก็ทำภารกิจส่วนตัว ทานอาหารเช้า ก็มากับ Session แรก เรื่อง Mass Casuality หรือ อุบัติภัยหมู่ ก่อนที่จะจัดทีมเพื่อรอรับ Paper Simulation Situation (จำลองสถานการณ์ และใช้คนไข้บนแผ่นกระดาษ) 2 รอบ เป็นการเล่นกับกระดาษที่เหนื่อยมากครับ กฏมีอยู่ว่า มีผู้ป่วยกระดาษประมาณ 100 แผ่น กำลังเกิดเหตุ(ตามที่ HMEOCให้ข้อมูล) เราต้องจัดทีม เข้าไป Triage Sieve ลำเลียงมายัง Triage Sort ก่อนจะเข้าไปยังโซน เขียว เหลือง แดง ตามที่หัวหน้าทีม(Field Commander)กำหนด เพื่อรักษาเบื้องต้นก่อนที่จะให้หน่วย Pay/Load และ Parking จัดหารถพยาบาล และส่งต่อผู้ป่วยไปยัง รพ.ปลายทางอย่างปลอดภัย
"เล่นเอาเหนื่อย"
แค่นั้นไม่พอครับ รอบบ่าย มีสถานการณ์สมมุติกับผู้ป่วยสมมุติ(คนจริงๆ) ซึ่งจะรวมทีม 3 ทีมเข้าด้วยกัน แล้วช่วยกันจัดการเหตุ โดยรอบบ่าย HMEOC แจ้งสถานการณ์ว่า มีเครื่องตกบนโรงงานสารเคมี มีผู้บาดเจ็บ เราเล่นกันได้สักพักใหญ่ๆ ฝนก็โปรยปรายลงมา เราก็มาขึ้นมาสรุปกิจกรรม(A2R) และดูภาพยนต์เรื่อง Volcano เป็นเรื่องเกี่ยวกับภูเขาไฟใต้เมืองวอชิงตัน สนุกมาก เป็นหนังเก่าแล้ว แต่ CG มันสวยพอสมควร แต่มีข้อคิดแง่มุมให้คิดเหมือนกัน ต้องลองดูเอาเองครับ อาจมีแง่มุม แตกต่างจากผม(เลยไม่ขอสปอยล์)
วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
ประวัติ ครม. 'สมัคร 1' ทั้ง 36 คน
นายสมัคร สุนทรเวช
| นายกรัฐมนตรี ควบ รมว.กลาโหม หัวหน้าพรรคพลัง |
รองนายกรัฐมนตรี | |||
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ | เกิด 31 สิงหาคม 2490 จบนิติศาสตร์บั มหาวิทยาลัยธรรม |
รองนายกรัฐมนตรี | |||
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี | เกิด 2พฤษภาคม 2500 จบสาขาแพทยศาสตร |
รองนายกรัฐมนตรี | |||
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ | เกิด 5 กุมภาพันธ์ 2495 จบการศึกษาจากนิ |
รองนายกรัฐมนตรี | ||
นายสหัส บัณฑิตกุล | เกิด 1 สิงหาคม 2493 จบปริญญาตรีคณะว |
รองนายกรัฐมนตรี | |||
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์
| เกิด7กันยายน 2478 เป็นชาวพิจิตร เคยรับราชการเหล |
รองนายกรัฐมนตรี | |||
นายสุวิทย์ คุณกิตติ
| เกิด 17ตุลาคม พ.ศ.2500 ที่ อ.เขาสวนกวาง ขอนแก่น ม.ศ.5โรงเรียนวั |
รมต.ประจำสำนักน | |||
นายชูศักดิ์ ศิรินิล | เกิด 25 กรกฎาคม 2491 มัธยมศึกษาตอนปล
|
รมต.ประจำสำนักน | |||
นายจักรภพ เพ็ญแข
| เกิดพ.ศ. 2510 โรงเรียนสาธิตมห หลังรัฐประหาร 19กันยายน ทำสถานีโทรทัศน์ |
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ | รัฐมนตรีช่วยว่า เกิด 25ธ.ค.2498 ปริญญาตรีบริหาร |
ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี | รัฐมนตรีช่วยว่า อายุ 51ปี ภรรยาว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำกลุ่มโคราช |
นายวิรุฬ | รัฐมนตรีช่วยว่า เกิด 4 สิงหาคม 2486 ศึกษาโรงเรียนอั |
พ.ต.ท.บรรยิน | รัฐมนตรีช่วยว่า เกิด 26กรกฎาคม 2506 มัธยมศึกษา โรงเรียนนครสวรร |
นายสันติ พร้อมพัฒน์
| รัฐมนตรีว่าการก |
นายทรงศักดิ์ ทองศรี | รมช.กระทรวงคมนา เกิด 20เมษายน 2501 การศึกษา โรงเรียนอนุบาลป |
นายอนุรักษ์ จุรีมาศ | รัฐมนตรีช่วยว่า เกิด 4สิงหาคม 2503 จบนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามค |
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล | รัฐมนตรีว่าการก |
นายสมพัฒน์ แก้ววิจิตร | รัฐมนตรีช่วยว่า เกิดเมื่อวันที่ |
นายธีระชัย แสนแก้ว | รัฐมนตรีช่วยว่า |
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง | รัฐมนตรีว่าการก นักการเมืองฝีปา |
นายสุพล ฟองงาม | รัฐมนตรีช่วยว่า เกิดเมื่อวันที่ |
นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ | รัฐมนตรีช่วยว่า นักการเมืองพันธ |
วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2551
โดย : วรภัทร วีรพัฒนคุปต์
เมื่อ : 7/01/2008 12:57 PM เป็น ไปตามที่คาดหมายสำหรับผลการเลือกตั้ง ที่แทบจะไม่ต้องลุ้นผลที่จะออกมา เพราะเห็นแนวโน้มมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่ลงประชาติรางรัฐธรรมนูญแล้ว ซึ่งครั้งนั้นหากหลายคนยังจำกันได้ ภาคอีสานกับภาคเหนือเป็นพื้นที่สีแดงจนแทบจะใช้คำว่ายกภูมิภาคก็เห็นจะไม่ ผิด และมีจุดที่น่าสนใจตรงที่ว่า พื้นที่ภาคใต้แม้จะเป็นสีเขียวทั้งหมด แต่ในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้กลับเป็นพื้นที่ที่มีจำนวนบัตรกาโหวตโนสูงที่ สุดในพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด
และก็เป็นไปตามคาด พรรคพลังประชาชน กวาดภาคอีสานกับภาคเหนือจนแทบเรียบ และน่าสนใจว่าจังหวัดขอนแก่นซึ่งเป็นถิ่นของ นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งเป็นแชมป์มาหลายสมัยแล้ว แม้จะเปลี่ยนแบรนด์กี่ครั้งก็ไม่เคยทำให้คะแนนเสียงหด แต่ครั้งก็นี้ก็ยังถูกพลังประชาชนกวาดยกจังหวัด ส่วน ภาคกลางก็ถัวๆ กันไป ภาคใต้ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าพรรคอะไรจะเป็นแชมป์ ก็ได้เป็นแชมป์ตามนั้น แต่น่าสังเกตว่า ในจังหวัดยะลากับนราธิวาสซึ่งเป็นพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กลับถูกคนของกลุ่มวาดะห์เจาะไข่แดงกลับมาได้
แน่นอนว่าผลออกมาเป็นเช่นนี้ ก็ย่อมต้องตามมาด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานาจากท่าผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลายที่ออกมาทำตัวเป็นกูรู้ (Guru) และกูไม่รู้
และเป็นไปตามคาด เสียงวิจารณ์จากท่านกูรู้และกูไม่รู้ ยอ่มต้องพูดถึงเรื่องที่ต้องออกมาวิพากษ์วิจารณ์ภาคอีสานไปต่างๆ ว่าเป็นภาคที่คนไม่มีความรู้บ้าง โดนซื้อเสียงบ้าง โดนขั้วอำนาจเก่าจูงจมูกบ้าง
และยังวิจารณ์ไปถึงขนาดที่ว่า ชนชั้นกลางที่มีการศึกษาสูงจะเลือกพรรคอะไร คนรากหญ้าไม่มีความรู้กับนักวิชาการขายตัวจะเลือกพรรคอะไร
และแน่นอนว่าคนที่อยู่ฝ่ายกองเชียร์รัฐประหาร ย่อมต้องไม่ปลื้ม และต้องออกมาวิพากษ์วิจารณ์คนที่เชียร์ฝ่ายตรงข้าม ซึ่งก็ไม่พ้นเรื่องว่าไร้การศึกษา เป็นกรรมกร เป็นชนชั้นล่างอีกตามเคย
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับสังคมไทยในเวลานี้ เป็นปรากฎการณ์ที่เรียกว่า "ภูมิภาคนิยม (Regional Centeredness)" กับ "ชนชั้นนิยม (Class - Centeredness)" ซึ่งเป็นลักษณะหนึ่งของ "อัตนิยม(Egocentrism)" ซึ่งหนังสือ "อาวุธมีชีวิต? แนวคิดเชิงวิพาก์ว่าด้วยความรุนแรง" ของอาจารย์ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ ได้อธิบายว่าอัตนิยมเป็นความสามารถในตัวของมนุษย์ในการแยกตนเองและกลุ่มของตนเองออกจากผุ้อื่นและกลุ่มอื่น ในทางจิตวิทยาเรียกกระบวนการดังกล่าวว่า "Egocentric Perceiving" หรือการรับรู้โดยมีตัวเองเป็นศูนย์กลาง
อัตนิยมนี้เอง เป็นสิ่งที่ได้สร้างกำแพงขึ้นมากั้นระหว่างความแตกต่าง สร้างความเป็นเขาความเป็นเราให้เด่นชัดยิ่งขึ้นจากการที่เรามองความเป็นตัว เราเองเป็นศูนย์กลาง และทำให้เราไม่สามารถเข้าใจผู้อื่นจากแง่มุมของเขาได้ โดยอาศัยองค์ประกอบที่เรียกว่า "การแยกประเภทเทียม (Pseudospeciation)" เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ให้เราสามารถกดฝ่ายที่แตกต่างจากเราลงไปจากระดับความเป็นมนุษย์ประเภทเดียวกับเราได้ง่ายขึ้น
และนี่เองคือพื้นฐานของความรุนแรงของมนุษยชาติ มายาการแห่งอัตลักษณ์นอกจากสามารถเป็นกำแพงปิดกั้นความเข้าใจในความแตกต่าง ซึ่งกันและกันได้แล้ว มันยังเพิ่มความสามารถให้มนุษย์สรรหาเหตุผลต่างๆ นานาเพื่อมาอธิบายความชอบธรรมของความรุนแรงที่กระทำต่อกันได้ด้วย
ซึ่งในทางการเมืองระบอบประชาธิปไตยนั้น วิธีคิดภายใต้มายาการแห่งอัตลักษณ์นี้เป็นสิ่งที่อันตรายมาก เพราะจะทำให้เกิดความแตกแยกโดยที่เรายึดตัวตนของเราเป็นที่ตั้ง ปิดตัวเองจากการรับรู้เข้าใจผู้อื่น ความสามารถในการมองความขัดแย้งที่มีตัวเราเป็นที่ตั้ง จะทำให้เราสามารถหาข้ออ้างหาเหตุผลมาอธิบายความผิดของฝ่ายตรงข้าม ตลอดจนเหตุผลที่รองรับความชอบธรรมในการกระทำรุนแรงกับฝ่ายตรงข้ามได้มากมาย แต่ในขณะเดียวกันความสามารถในการพิจารณาเหตุและผล ประเมินความผิดพลาดที่มาจากตนเองก็ลดลงไปด้วยเช่นกัน
เหมือนเช่นที่คณะผู้ก่อการรัฐประหารและผู้สนับสนุนไม่เคยพิจารณาตนเองว่า สิ่งใดบ้างที่ตนทำแล้วประชาชนเอือมระอา ไม่ว่าจะเป็นการที่บริหารประเทศโดยไม่ฟังเสียงประชาชน การทำตัวเป็นศัตรูกับประชาชนทุกคนที่คิดเห็นต่างจากตน การบริหารประเทศที่มุ่งแต่หาความผิดของขั้วอำนาจเก่า (และไม่มีหลักฐานที่ชัดพอให้สังคมยอมรับร่วมกันได้ด้วย) แต่ในขณะเดียวกันกลับไม่ทำให้คุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้น ซ้ำยังไปเบียดเบียนชาวบ้านตาดำๆ อีก ดังเช่นการนำกำลังทหารไปกดดัน ไปคุกคามสิทธิเสรีภาพของชาวบ้านในภาคอีสานและ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
จนกระทั่งสุดท้ายเมื่อแพ้ภัยตัวเองด้วยผลการประชามติรัฐธรรมนูญที่ชนะแค่เฉียดฉิว กับผลการเลือกตั้งที่แพ้พรรคการเมืองตัวแทนอำนาจเก่าอย่างราบคาบ ท่านผู้ทรงเกียรติเหล่านี้กลับยังมองไม่เห็นความผิดพลาดที่ตนเอง
ผมเขียนบทความนี้เพื่ออยากเตือนสติคนไทย โดยเฉพาะชนชั้นกลาง รวมถึงผู้ที่รู้สึกว่าตนเองเป็นชนชั้นกลางทั้งหลาย อย่าได้หลงมัวเมากับคำโฆษณาโง่ๆ ของผู้มีอำนาจที่ต้องการให้พวกเราแตกแยกกันอีกเลย
อย่าหลงมัวเมากับความเป็นชนชั้นกลาง ความเป็นคนเมืองของตนจนปิดกั้นหัวใจไม่รับฟังความรู้สึกจากหัวใจของผู้อื่นบ้าง โดยเฉพาะกับประชาชนผู้ใช้สัญชาติร่วมกัน เพียงแต่ต่างภูมิภาค ต่างฐานะ ต่างความเชื่อ
ประชาธิปไตยที่แท้จริงมันต่างจากระบอบเผด็จการก็ตรงนี้เอง....
วรภัทร วีรพัฒนคุปต์
เลขาธิการศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย (ศยป)
http://www.thaingo.org/writer/view.php?id=618
วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2551
ยุทธการดับไฟใต้ หรือยุทธการเลี้ยงไฟใต้ กับปริศนา "สายลับ" ทหาร โดย : พณ ลานวรัญ เมื่อ : 8/01/2008 12:33 PM | |
เมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา ผบ.ศปก.ตร.ส่วนหน้าคุมทหารยศ พ.ท. 2 นาย พร้อมพลเรือนอีก 1 คนมาทำการสอบสวน หลังพบพาสเวิร์ดเข้าศูนย์ข้อมูลยุทธการ กอ.รมน. ของเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คน ตกถึงมือแกนนำ อาร์เคเค. แต่เบื้องต้นทั้ง 3 ยังให้การปฏิเสธ ความคืบหน้ากรณี พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผช.ผบ.ตร.ทำหน้าที่ ผบ.ศปก.ตร.ส่วนหน้า ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวน เชิญตัวนายทหารระดับ พ.ท. 2 นาย และข้าราชการพลเรือน 1 คน มาสอบสวนที่ ศปก.ตร.ส่วนหน้า เพื่อหาข้อเท็จจริงว่ามีส่วนพัวพันกับแกนนำ อาร์เคเค. จริงหรือไม่ เนื่องจากหลังจากที่ พ.ต.ท.พิชวุชญ์ สงวนสมบัติศิริ รอง ผกก.กลุ ่มงานสืบสวน ได้นำกำลังเข้าปิดล้อมจับกุมแกนนำ อาร์เคเค. ที่บ้านต้นหยี ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา สามารถจับตายนายยูฮัน ลาเต๊ะ นายฟาเด จิใจ และนายแวยูโซะ แวดือราแม ซึ่งมีตำแหน่งเป็น ผบ.ฝ่ายทหารของขบวนการบีอาร์เอ็นโคออร์ดิเนต และจับเป็นแนวร่วมได้ 5 คน พร้อมยึดคอมพิวเตอร์และแผ่นดิสก์ มาทำการตรวจสอบ พบว่ามีรายชื่อของนายทหาร 2 นาย พลเรือน 1 นาย อยู่ในแผ่นดิสกฺ์ดังกล่าว จึงได้รายงานให้ พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 ทำหน้าที่ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ทราบ และขอตัวคนทั้ง 3 มาทำการสอบสวน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ ศปก.ตร.สวนหน้า ได้ควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 นาย เพื่อทำการสอบสวนต่อไป โดยมีนายทหารจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ร่วมสอบสวนด้วย โดยล่าสุดแหล่งข่าวระดับสูงใน ศปก.ตร.ส่วนหน้า ได้เปิดเผยให้ทราบว่า มีผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนพัวพันกับ แกนนำขบวนการทั้ง 3 คนจริง โดยเป็นนายทหารยศพันโท ทำหน้าที่ ผบ.ฉก.1 นาย ระดับ จ.ส.อ. 1 นาย และเป็นพลเรือนซึ่งเป็นอาจารย์ 1 คน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อนามสกุลได้ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างสอบสวนหาข้อเท็จจริง ส่วนสาเหตุที่ต้องนำตัวมาสอบสวน เนื่องจากจากการตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ และแผ่นดิสก์ของแกนนำ อาร์เคเค.ที่ยึดมาได้ เจ้าหน้าที่พบรหัสประจำตัว หรือพาสเวิร์ดของเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คน ปรากฏอยู่ในแผ่นดิสก์ โดยรหัสส่วนตัวดังกล่าว เป็นรหัสที่ แกนนำ อาร์เคเค. สามารถผ่านเข้าไปเจาะข้อมูลด้านยุทธการของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าได้ เป็นเหตุให้แกนนำขบวนการ สามารถรู้ข้อมูลขั้นความลับของกองทัพ จึงสามารถวางแผน ตอบโต้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ได้ผลทุกครั้ง เพราะล่วงรู้แผนการทางด้านยุทธการนั่นเอง จากการสอบสวนในขั้นแรก เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 นาย ยังให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นผู้ให้รหัสผ่านกับ แกนนำ อาร์เคเค.ทั้ง 3 คนที่ถูกยิงเสียชีวิต ดังนั้นจึงเจ้าหน้าที่ จึงต้องทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไปว่า รหัสผ่านดังกล่าว ตกอยู่ในมือของแกนนำขบวนการอย่างไร หรือใครเป็นผู้บอกกับแกนนำของขบวนการ ??? หลังจากอ่านข่าวดังกล่าวจากเวปไซด์ผู้จัดการ หลายคนอาจคิดตกใจว่าแกนนำฝ่ายอาร์เคเคมีศักยภาพที่น่ากลัวอย่างยิ่งในการหา ข่าว มีความรู้ ความสามารถและมีมืออาชีพถึงขั้นเจาะข้อมูลได้ จนสามารถต่อต้านข่าวกรองและตอบโต้ยุทธการของฝ่ายรัฐได้ บ้างก็อาจคิดว่า อาจจะมีหนอนบ่อนไส้ในฝ่ายรัฐส่งข้อมูลลับให้ แต่หลังจากรับรู้เรื่องนี้นั้น มันทำให้ผมนึกย้อนไปถึงยุคสมัยสงครามเวียดนาม ยุคสงครามเย็น จนถึงภาพยนต์คลาสสิคเรื่อง 2 คน 2 คม ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างมี "สายลับ" แฝงตัวเข้ามา จับได้ไล่ทันมันไม่มีวันสิ้นสุด เพื่อนตำรวจบอกผมว่า ในการจับกุมการลักลอบค้ายาเสพติด หรือการขนยาเสพติดล๊อตใหญ่ๆ หลายครั้ง ส่วนมากก็มาจากได้รับรายงานข่าวจาก "สายลับ" ที่แฝงตัวเข้าไปในขบวนการ แจ้งเบาะแส เวลา สถานที่หรือพาหนะและรูปพรรณมา.. ด้านที่สำคัญคงต้องเห็นใจการทำงานของ "สายลับ" เหล่านั้นเป็นอย่างมากที่เสียสละเสี่ยงชีวิตอยู่ในความเป็นความตายเพื่อบ้านเมือง และแน่นอน ขบวนการค้ายาเสพติด ของเถื่อน ตลาดมืด บ่อนการพนัน ย่อมมี "สาย" ของเจ้าหน้าที่เข้าไปปะปนหาข่าวอยู่ไม่มากก็น้อยในแต่ละขบวนการ บ้างก็ฝังตัวอยู่อย่างยาวนาน เพื่อแสวงหาข้อมูลหลักฐานตามระดับชั้นที่ต้องการ หรือตามเป้าหมายที่ทางการต้องการ ซึ่งอาจจะต้องปล่อยผ่านบางเรื่อง เพื่อไปสู่บางเรื่อง หรือเพื่อเรื่องที่ต้องการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การสั่งสมของยุทธการนี้ ย่อมเกิดอาณาจักร "สีเทา" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การผ่านไปมาของขาวกับดำย่อมมีการหาผลประโยชน์ในช่วงสีเทาเป็นธรรมดา สายบางคนก็กลายเป็นโจรไปจริงๆ หรือสายโจรมาเป็นตำรวจจริงๆ อย่างในภาพยนต์ 2 คน 2 คมก็คงเป็นไปได้ ถ้ามี เราจึงเห็นภาพในสังคมว่า ทำไมเจ้าหน้าที่บางนายถึงกลายเป็นโจร หรือเป็นผู้มีอิทธิพลไปได้ บางคนไปคุมบ่อน ค้ายา ของเถื่อน เสียเองดังที่รู้เห็นกันอยู่ บ้างก็เลี้ยงสาย กลายเป็น "ซุ้มมือปืน" หรือชุมนุมมาเฟียก็มาก แน่นอนอาณาจักรสีเทาหลายส่วนถูกดูแลและกำกับโดยบิ๊กตำรวจ หรือเสธ.ทหารคนใหญ่คนโตกันทั้งนั้น โดยเฉพาะธุรกิจการรักษาความปลอดภัย ส่วยและการค้าของเถื่อน แน่นอน คดีเหล่านี้ ขึ้นอยู่ว่า จะจับอะไร ปล่อยอะไร โชว์อะไร เพื่อไม่ให้ชัดเจนเกินไปนักในสังคม และหรือหาก "หน่วยเหนือ" ขอมา ย้ำว่าที่กล่าว เป็นเจ้าหน้าที่สีเทาส่วนน้อยนะครับ ในวงการก็รู้ๆ กันอยู่ หน่วยการข่าว เพื่อหาข่าวกรองและต่อต้านข่าวกรอง มันเป็นยุทธการมาอย่างช้านานแล้วของฝ่ายรัฐ ในยุคสงครามเย็นหน่วยการข่าวนี้ทำหน้าที่ถึง การปฏิบัติการเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายเลยทีเดียว ยกตัวอย่างยุทธการหนึ่งซึ่งมหาอำนาจเคยวางแผนให้ประเทศเป็นกลางต่อต้านฝ่ายศัตรู ตามยุทธวิธีแบ่งแยกและโดดเดี่ยวศัตรู ขั้นที่ 1 ท่านไม่จำเป็นต้องสนับสนุนเรา ขอเพียงแต่อย่าสนับสนุนฝ่ายตรงข้าม ขั้นที่ 2 ท่านไม่ต้องเห็นด้วยกับเรา แต่ท่านต้องไม่เห็นด้วยกับฝ่ายตรงข้าม ขั้นที่ 3 ท่านไม่ต้องร่วมกับเรา แต่ท่านต้องต่อต้านฝ่ายตรงข้าม... ในสมัยสงครามเวียดนาม ได้รับการยืนยันว่า สมัยนั้นกองทัพมหาอำนาจถึงขั้นจัดตั้งหน่วยลับออกปฏิบัติการในยามค่ำคืน (ฆ่า-ลากไส้ ฯลฯ) ต่อพลเมืองเวียดนามในไซ่ง่อนเพื่อโยนความผิดและสร้างภาพอำมหิตผิดมนุษย์ให้พวกเวียดกง แน่นอน จนถึงวันนี้ขบวนการก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีตัวตนอยู่จริง บ้างก็มีการจัดตั้งเป็นสายงานเป็นขบวนการ จากความคิด ความเชื่อและบุคคล และระดับย่อยที่กระจายตัวในพื้นที่ต่างๆ ในรูปแบบที่ไม่มีเอกภาพและไร้การบังคับบัญชารวมศูนย์แต่เน้นการตอบโต้ภาค รัฐเป็นหลัก ตามรูปแบบสงครามยุคใหม่-ศัตรูที่ไร้ตัวตนของรัฐ บ้างก็มาจากความคับแค้นของชาวบ้านเองที่ได้รับจากฝ่ายรัฐ บ้างก็มาจากขบวนการค้ายาเสพติด น้ำมันและของเถื่อนเอง ออกโรงผสมปนเปกันไปจนเป็นเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างในขณะ นี้ และฝ่ายความมั่นคงก็รู้ปัญหาดี ผมสอบถามไปยังข้าราชการระดับซี 10 ซึ่งใกล้ชิดความรับผิดชอบในเรื่องปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยผู้หนึ่ง ยืนยันว่า แกนนำ อาร์เคเค.ทั้ง 3 คนที่ถูกยิงเสียชีวิตซึ่งมีรหัสผ่านเข้าข้อมูลและยุทธการของกองอำนวยการ รักษาความมั่นคงภาค 4 ส่วนหน้านั้น เป็นสายของเจ้าหน้าที่ทหาร !!! เพียงแต่ว่า หน่วยที่ไปปฏิบัติการจับกุมเป็นคนละหน่วยงานที่ไม่รู้กันว่าใครเป็นสายใคร!!! สรุปว่า ปัญหาความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากกลุ่มขบวนการที่ว่ามา ฝ่ายความมั่นคงมีเอี่ยวด้วย!!! ผมย้อนนึกไปถึงพื้นที่สีเทาที่ขาวกับดำใช้แสวงหาผลประโยชน์ และแน่นอน บนระนาบเดียวกันของเส้นเจ้าหน้าที่รัฐกับโจรนี้มีประชาชนอยู่ตรงกลางและ เป็นผู้ถูกกระทำโดยตลอดมา... ผมนึกไปถึงงบประมาณทหารปีละนับหมื่นล้านเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ งบลับกองทัพที่ประชาชนตรวจสอบไม่ได้ การค้าอาวุธเถื่อนและตลาดมืดซึ่งไม่รู้ใครหรือนักการเมืองหน้าไหนเกี่ยว ข้องหรือได้ประโยชน์อยู่กับมันบ้าง ทำเอาสงสัยว่า ยุทธการทางการทหารที่ใช้กันแบบนี้ เป็นยุทธการดับไฟใต้ หรือเลี้ยงไฟใต้ (ไว้ให้นานๆ) กันแน่ !!!... |
ที่มา : Thai-NGO
วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2551
ประวัติศาสตร์แห่งอนิเมะ : หนทางจากอดีตสู่ปัจจุบัน
ผู้เขียน: ศิระ เอกบุตร17 Dec
บทความนี้ขอพาเพื่อนๆผู้อ่านทั้งหลาย ย้อนกลับไปสู่ยุคอดีตตั้งแต่อนิเมะเรื่องแรกของญี่ปุ่นถือกำเนิด มาจนถึงอนิเมะในปัจจุบันที่หลายๆคนรู้จักกันดี ถ้าพร้อมแล้ว ตั้งสมาธิแล้วลุยกันเลยเพราะมันมีข้อมูลเพียบ!!
ป.ล. มาแก้ไขโดยเพิ่มเรื่อง โดราเอมอน อิคคิวซัง และดราก้อนบอลครับ
ยุคบุกเบิก (1960s)
การทำภาพยนต์ที่มีคนแสดงในประเทศญี่ปุ่นนั้นมักจะมีงบประมาณในการทำไม่สูง นัก ทำให้คนญี่ปุ่นต้องหันมาใช้การวาดการ์ตูนหรืออนิเมะเข้ามาทดแทนเรื่องของงบ ประมาณที่จำกัด เพื่อจะสร้างเนื้อเรื่องและฉากต่างๆตามต้องการโดยไม่ต้องสร้างฉากนั้นๆขึ้น มาจริงๆ ดังนั้นจะเห็นว่าผู้สร้างสามารถจะใช้จินตนาการในการคิดเรื่องได้เต็มที่โดย ไม่ต้องไปติดข้อจำกัดเรื่องงบประมาณเลย และนี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำไมประเทศญี่ปุ่นถึงมีการพัฒนาเรื่องของอนิ เมะมาอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
Hakujaden - The Tale of the White Serpent
อนิเมะสีเรื่องแรกของญี่ปุ่นนั้นมีชื่อว่า ฮาคุจาเด็น (นางพญางูขาว , 1958) เป็นอนิเมะที่มีการวาดคล้ายๆแอนิเมชั่นของดิสนีย์ ซึ่งเป็นผลงานของ โตเอะแอนิเมชั่น ซึ่งเป็นผู้สร้างอนิเมะอันโด่งดังมากมาย เช่น ดราก้อนบอล เซเลอร์มูน และวันพีซ เป็นต้น
Hols : Prince of the Sun
อย่างไรก็ตามอนิเมะเรื่องแรกที่มีการฉีกสไตล์ให้แตกต่างจากแอนิเมชั่นของดิสนีย์ก็คือเรื่อง โฮลุส เจ้าชายแห่งดวงอาทิตย์ (Hols , Prince of the Sun , 1968) ผลงานของ อิซาโอะ ทากาฮาตะ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นผลงานของโตเอะเข่นกัน และยังเป็นอนิเมะที่มีอนาคตผู้กำกับฝีมือดีอย่าง ฮายาโอะ มิยาซากิ มาทำหน้าที่เป็นอนิเมเตอร์ และยังได้รับการยอมรับว่าเป็นอนิเมะที่มีสไตล์การวาดเป็นต้นแบบของอนิเมะในปัจจุบันอีกด้วย
Astroboy
ต่อมา อ.เทะซึกะ โอซามุ ก็ได้ก่อตั้งบริษัททำอนิเมชั่นขึ้นมาแข่งกับโทเอย์บ้างชื่อว่า มูชิโปรดักชั่น และในปี ค.ศ.1963 ก็ได้ส่ง เจ้าหนูปรมาณู ซึ่งถือว่าเป็นอนิเมะที่ฉายทางทีวีเรื่องแรกที่ได้รับความนิยมอย่างสูง หลายๆคนคิดว่านี่คืออนิเมะที่ฉายทางโทรทัศน์เรื่องแรก แต่แท้ที่จริงแล้วอนิเมะที่ฉายทางโทรทัศน์เรื่องแรกในรูปแบบมูวี่ก็คือ เรื่อง ทรีเทลส์ (1960) ส่วนเรื่องแรกที่ฉายแบบทีวีซีรีส์ คือ เรื่อง โอโตกิ มังกะ คาเลนดา (1961) ต่างหาก
ช่วงปี 1970s
ในช่วงนี้มีการแข่งขันอย่างรุนแรงจากวงการโทรทัศน์ส่งผลให้อุตสาหกรรมภาพ ยนต์ญี่ปุ่นหดตัวลง ส่งผลให้มีการลดจำนวนพนักงานของโตเอะลง และบางส่วนก็แยกตัวออกไปบริษัทอื่น ส่วนมูชิโปรดักชั่นก็ต้องล้มละลาย พนักงานเก่าจึงออกไปก่อตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาสองแห่ง ซึ่งได้ผลิตงานอนิเมะคุณภาพออกมามากมายในปัจจุบัน นั่นก็คือ แม้ดเฮาส์โปรดักชั่น (Madhouse) ( Beck , Di Gi Charat ,คาร์ดแคปเตอร์ซากุระ , Perfect Blue ) และ ซันไรส์ (กันดั้ม , ซิตี้ฮันเตอร์ , ไมฮิเมะ , Code Geass )
ในช่วงนี้ยังมีอนิเมะอมตะในหัวใจใครหลายๆคนอย่างเรื่อง โดราเอมอน (1973) ซึ่งมีเนื้อเรื่อวหลักมาจากหนังสือการ์ตูนเกิดขึ้นด้วย
นอกจากนี้ยังมีเรื่อง อิคคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญา ( 1975) การ์ตูนที่นำมาฉายบ้านเราซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่รู้กี่รอบ
Mobile Suit Gundam
และยังมีการเกิดขึ้นของอนิเมะแนวหุ่นยนต์ เช่น Mazinger Z (1972) , Space Battleship Yamato (1974) และ Mobile Suit Gundam (1979) ขึ้นมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาของอนิเมะแนวไซ-ไฟ จากเดิมที่จะออกไปทางซุปเปอร์ฮีโร่ได้กลายมาเป็นแนวที่สมจริงมากขึ้นอย่าง เช่นแนวอวกาศซึ่งมีแนวเรื่องที่ซับซ้อนและเริ่มเป็นการยากที่จะตัดสินอย่าง ชัดเจนว่าสิ่งใดคือสิ่งที่ถูกสิ่งใดผิดกันแน่
ซึ่งเรื่อง Mobile Suit Gundam (1979) ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในตำนวนของวงการอนิเมะเลยทีเดียว เพราะเป็นซีรีส์ที่ได้รับความนิยมและมีการสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับกัน ดั้มต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ช่วงปี 1980s
Space Battleship Yamato Movie ver.
ด้วยความนิยมของภาพยนตร์เรื่อง Star Wars ทำให้อนิเมะแนวอวกาศได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก ส่งผลให้มีการนำเอาอนิเมะเรื่อง เรือรบอวกาศยามาโตะ (Space Battleship Yamato) กลับมาทำใหม่ในรูปแบบอนิเมะที่ฉายในโรงภาพยนตร์ ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ “ยุคทองคำแห่งอนิเมะ” เลยทีเดียว
ในช่วงนี้เองที่ประเทศอเมริกาก็ได้มีการนำอนิเมะชื่อดังไปดัดแปลงเป็นแอ นิเมชั่นของตัวเองหลายต่อหลายเรื่อง เช่น Robotech ที่ดัดแปลงมาจากเรื่อง มาครอส ของญี่ปุ่นเป็นต้น
จากเหตุการณ์ยุคทองของอนิเมะนี้เองก่อให้เกิดกลุ่มบุคคลที่เรียกว่า โอตาคุ ขึ้นมา และส่งผลให้มีนิตยสารอนิเมะอย่าง Animage และ Newtype ขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของแฟนๆอีกด้วย
Daicon IV
นอกจากนั้นยังก่อให้เกิดกลุ่มผู้สร้างการ์ตูนมือสมัครเล่น ( แต่ฝีมือไม่ใช่เล่น ) อย่างกลุ่มที่มีชื่อว่า Daicon Film ซึ่งมีผลงานที่ได้รับการจับตามองเรื่องแรกๆก็คือการทำอนิเมะที่มีชื่อว่า Daicon III (1981) และ Daicon IV สำหรับงานเทศกาล Japan National SF Convention ซึ่งได้รับความนิยมจากกลุ่มโอตาคุเป็นอย่างมาก ต่อมากลุ่ม Daicon Film ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Studio Gainax สตูดิโอสุดแนวที่สร้างผลงานแปลกตาซึ่งโดนใจคนทั่วโลกอย่าง Evangelion , FLCL และ Gurren Lagann เป็นต้น
Nausicaä of the Valley of the Wind
ในช่วงนี้ก็ได้มีการสร้างอนิเมะชั้นเยี่ยมเรื่อง Nausicaä of the Valley of the Wind (1984) ขึ้นมา ซึ่งเรื่องนี้เป็นอนิเมะที่ทำให้ ฮายาโอะ มิยาซากิ โด่งดัง และเป็นต้นกำเนิดของการก่อตั้งสตูดิโอในดวงใจของคนหลายๆคนอย่าง Studio Ghibli ( Laputa , Totoro , Princess Mononoke , Spirited Away ) ขึ้นมาในภายหลัง
ในช่วงนี้ยังมีการเกิดขึ้นของ OVA ขึ้นมาอีกด้วย ซึ่งส่งผลให้เริ่มสามารถใช้ภาพที่มีเนื้อหาล่อแหลมในอนิเมะได้มากขึ้น
ในช่วงนี้ก็มีการนำหนังสือการ์ตูนชื่อดังอย่าง ดราก้อนบอล ( 1986) มาทำอนิเมะด้วย
จากความสำเร็จอย่างสูงของ Nausicaa ส่งผลให้มีความพยายามที่จะสร้างอนิเมะแบบมูวี่มากขึ้น และต่างก็มีการใช้งบประมาณที่สูงขึ้นในการสร้าง ซึ่งเรื่องที่ใช้งบประมาณมหาศาลที่สุดสองเรื่องในขณะนั้นก็คือ Royal Space Force: The Wings of Honneamise ( Gainax 800 ล้านเยน , 1987) และ Akira ( ร่วมทุนหลายบริษัท 1100 ล้านเยน ,1988)
The Wings of Honneamise
Akira แต่ดูเหมือนว่าอะไรอะไรจะไม่เป็นไปอย่างที่คิด เมื่ออนิเมะทั้งหลายทำรายได้ไม่ดีนักในประเทศญี่ปุ่น ไม่เว้นแม้แต่ 2 เรื่องข้างต้น ส่งผลให้มีสตูดิโอจำนวนมากต้องปิดตัวลง ดูเหมือนว่าจะมีก็แต่ Studio Ghibli เท่านั้นที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำแต่เพียงผู้เดียว
ถึงแม้ว่า Akira จะไม่ประสบความสำเร็จในประเทศญี่ปุ่นเอง แต่มันกลับเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ จนได้ชื่อว่าเป็น อนิเมะที่ดีที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา เลยทีเดียว
ช่วงปี 1990s
Neon Genesis Evangelion
ในปี 1995 ฮิเดอากิ อันโนะ ผู้ก่อตั้ง Studio Gainax ได้เขียนและกำกับอนิเมะเรื่อง Neon Genesis Evangelion ขึ้นมาซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในประเทศญี่ปุ่นเองและในต่างประเทศ อนิเมะเรื่องนี้ก่อให้เกิดการโต้เถียงหลายๆอย่าง เนื่องด้วยเนื้อหาที่เต็มไปด้วยปริศนาและคำโกหก อีกทั้งยังมีตอนจบที่แปลกหลุดโลกจนแฟนๆหลายคนรับไม่ได้ และมีการเรียกร้องให้อันโนะทำตอนจบขึ้นมาใหม่ (บางรายร้ายแรงถึงขนาดเขียนจดหมายขู่ฆ่าเลยก็มี) อันโนะจึงตัดสินใจทำ The End of Evangelion ขึ้นมาเป็นตอนจบอีกแบบหนึ่งของเรื่องนี้ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างมากจนได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก
หลังจากการประสบความสำเร็จอย่างมากของ Evangelion ส่งผลให้มีอนิเมะแนวชวนปวดหัวออกมาจำนวนมาก เช่น Serial Experiments Lain (1998) และ RahXephon (2002)
ในช่วงปี 90s ยังเป็นช่วงรุ่งโรจน์ของอนิเมะที่สร้างจากเกมอย่าง Pokemon ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงจากเด็กๆทั่วโลก จนเกิดเหตุการณ์ที่เป็นข่าวไปทั่วโลกว่าเกิด เหตุการณ์เด็กเกิดอาการช๊อคเนื่องจากดูอนิเมะเรื่องโปเกมอน (ตอน ทหารไฟฟ้าไพโรกอน) ซึ่งมีฉากการปล่อยแสงกระพิบซ้ำๆจำนวนมาก จนต้องมีการปรับเปลี่ยนเอฟเฟคให้ปลอดภัยมากขึ้น
ช่วงปี 2000s
อนิเมะในยุคนี้มีการใช้คอมพิวเตอร์กราฟิคเข้ามาช่วยพัฒนาคุณภาพของอนิเมะ กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอนิเมะที่มีพวกหุ่นยนต์ หรือเครื่องจักรต่างๆ ซึ่งนอกจากจะทำให้การเคลื่อนไหวลื่นไหลขึ้นแล้ว ยังเป็นการช่วยลดเวลาการทำงานให้น้อยลงอีกด้วย เนื่องจากการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยประมวลผลให้นั้นมันง่ายและสะดวกกว่าวาดด้วย มือเยอะ
ในช่วงนี้อนิเมะทั้งหลายถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเอาใจเหล่าโอตาคุมากขึ้น อนิเมะที่ฉายตอนดึกหลายๆเรื่องมีฉากแฟนเซอร์วิซจำนวนมาก และหลายเรื่องก็สร้างมาจากเกมโป๊อีกด้วยแต่ก็ได้มีการตัดฉากที่ไม่เหมาะสมอ อกไป เช่น Kanon , Air และ Shuffle! เป็นต้น
Melancholy of Haruhi Suzumiya
ในช่วงนี้มีอนิเมะที่ใช้เทคนิคการสร้างความแปลกประหลาดใจอย่าง การสลับลำดับการออกอากาศของเรื่อง Suzumiya Haruhi no Yuutsu ( Kyoto Animation ,2006 ) ซึ่งส่งผลให้เกิดการพูดถึงอย่างกว้างขวาง รวมถึงความนิยมในการเต้น Hare Hare Yukai Dance ซึ่งเป็นการเต้นตามเพลงจบของเรื่องนี้ในเว็บไซต์อย่าง Youtube ก็ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างสีสันต่อวงการอนิเมะเป็นอย่างมาก
Code Geass
Tengen Toppa Gurren Lagann
ในช่วงหลังนี้ก็มีอนิเมะที่น่าสนใจเกิดขึ้นมากมาย เช่น Gundam หลายๆภาค (Sunrise) , Code Geass (Sunrise) , Gurren Lagann (Gainax) , Lucky Star ( Kyoto Animation ) และเรื่องอื่นๆอีกมากมายในดวงใจหลายๆคน
อนาคตของแวดวงอนิเมะต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร พวกเราจะได้ร่วมกันเป็นพยานของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปครับ!!
เรียบเรียงจาก : http://en.wikipedia.org/wiki/History_of_anime