วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เรียน DMERT ตอบโต้ภัยพิบัติ วันที่ 1-2

สพฉ. จัดสอนหลักสูตร ตอบโต้ภัยพิบัติ สำหรับ โรงพยาบาล ทีมกู้ชีพคุ้มเกล้า เป็นตัวแทนจาก รพ.ภูมิพลอดุลยเดช เพื่อเข้ารับการเรียน DMERT module1 ในรุ่นที่ 4 ระหว่างวันที่ 6-10 ส.ค. 55

DMERT ย่อมาจาก Disaster Medical Emergency Response Team แปลตรงตัคือ ชุดทีมแพทย์ตอบโต้ภัยพิบัติ จัดการสอนโดย สพฉ. โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้มีความรู้จากหลายหน่วยงาน

==DMERT mod.1 day1==
Sessionเช้า เป็นบทเรียนเกี่ยวกับการจัดการเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติ ระบบ MAC system , MEMU , SDRT คำย่อพวกนี้ผมไม่เคยเจอมาก่อนเช่นกัน แต่หากอยากรู้สามารถค้นๆในเนต ก็จะเจอข้อมูลความรู้ภาษาอังกฤษ พอสมควร ในภาษาไทย ยังไม่มี จากนั้นตอนบ่าย มี session เงื่อนเชือกโดยครูฝึกจาก กองพันเสนารักษ์ที่2 กองพลราบที่2รักษาพระองค์ เหมือนเป็นรื้อฟื้นวิชาลูกเสือครับ ครูฝึกเตรียมเชือกมาให้พวกเราเล่นกันด้วย กว่าจะเป็นเล่นเอามึนกับเงื่อนพอสมควรครับ จุดไคลแม๊กสำหรับวิชานี้คือ หารทำเชือกโรยตัวครับ ทุกคนต้องมัดเชือกโรยตัว เพื่อใช้ในวันต่อไปได้ พวกเราทานอาหารเย็น ก่อนที่จะมา Session หัวค่ำ(งานนี้ค้างคืนที่ ดับเพลิง ทอท.ครับ) เป็นกิจกรรมสันทนาการ โดยทีมครูฝึกที่สอนวิชาเงื่อนเชือก เลิกกิจกรรมก็เกือบๆ 3 ทุ่ม แล้วก็เข้าพักใน ดพ.ทอท. บรรยากาศรันเวย์ข้างหน้างดงาม เงียบสงบ ผมนั่งดื่มด่ำบรรยากาศตรงนี้สักพัก ก่อนจะเข้านอนเก็บแรงไป PT ตอนเช้า

==DMERT mod.1 day2==
เช้านี้ตื่นมา PT แต่ตีห้าครึ่งครับ มีครูฝึกมานำ PT เรื่องนี้บ่ยั่นครับ แรงยังดีอยู่ เป็นห่วงพี่ๆ หลังจะเดาะ เข่าจะเสื่อมเอา เสร็จแล้วก็ทำภารกิจส่วนตัว ทานอาหารเช้า ก็มากับ Session แรก เรื่อง Mass Casuality หรือ อุบัติภัยหมู่ ก่อนที่จะจัดทีมเพื่อรอรับ Paper Simulation Situation (จำลองสถานการณ์ และใช้คนไข้บนแผ่นกระดาษ) 2 รอบ เป็นการเล่นกับกระดาษที่เหนื่อยมากครับ กฏมีอยู่ว่า มีผู้ป่วยกระดาษประมาณ 100 แผ่น กำลังเกิดเหตุ(ตามที่ HMEOCให้ข้อมูล) เราต้องจัดทีม เข้าไป Triage Sieve ลำเลียงมายัง Triage Sort ก่อนจะเข้าไปยังโซน เขียว เหลือง แดง ตามที่หัวหน้าทีม(Field Commander)กำหนด เพื่อรักษาเบื้องต้นก่อนที่จะให้หน่วย Pay/Load และ Parking จัดหารถพยาบาล และส่งต่อผู้ป่วยไปยัง รพ.ปลายทางอย่างปลอดภัย
"เล่นเอาเหนื่อย"
แค่นั้นไม่พอครับ รอบบ่าย มีสถานการณ์สมมุติกับผู้ป่วยสมมุติ(คนจริงๆ) ซึ่งจะรวมทีม 3 ทีมเข้าด้วยกัน แล้วช่วยกันจัดการเหตุ โดยรอบบ่าย HMEOC แจ้งสถานการณ์ว่า มีเครื่องตกบนโรงงานสารเคมี มีผู้บาดเจ็บ เราเล่นกันได้สักพักใหญ่ๆ ฝนก็โปรยปรายลงมา เราก็มาขึ้นมาสรุปกิจกรรม(A2R) และดูภาพยนต์เรื่อง Volcano เป็นเรื่องเกี่ยวกับภูเขาไฟใต้เมืองวอชิงตัน สนุกมาก เป็นหนังเก่าแล้ว แต่ CG มันสวยพอสมควร แต่มีข้อคิดแง่มุมให้คิดเหมือนกัน ต้องลองดูเอาเองครับ อาจมีแง่มุม แตกต่างจากผม(เลยไม่ขอสปอยล์)

วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ประวัติ ครม. 'สมัคร 1' ทั้ง 36 คน

นายสมัคร สุนทรเวช

นายกรัฐมนตรี ควบ รมว.กลาโหม หัวหน้าพรรคพลังประชาชน
เกิด13 มิถุนายน 2478 เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทย จบนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เป็นสมาชิก พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ปี 2511 โดดเด่นช่วงปี 2519 จากการจัดรายการสถานีวิทยุยานเกราะ โจมตีขบวนการนักศึกษาช่วงก่อนเหตุการณ์ 6 ต.ค.19
เป็นรมต.ครั้งแรกในตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ รมช.มหาดไทย และ รมว.มหาดไทย
ในปี พ.ศ. 2522 จากนั้น ก่อตั้ง พรรคประชากรไทย และดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค มีฐานคะแนนเสียงหลักในกทม.ปี 2543 สมัคร ได้ตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.โดยได้รับคะแนนเสียงอย่างท้วมท้น จากนั้นได้รับเลือกเป็นส.ว.กทม. ในปี 2548 แต่ไม่ได้ปฎิบัติหน้าที่ก็เกิดการปฎิวิติ19ก.ย.49ขึ้นก่อน จากนั้นสมัคร ได้รับการทาบทามจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้เป็นหน.พรรคพลังประชาชนในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ที่ผ่านมา


รองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.ศึกษาธิการ รองหน.พรรคพปช.

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

เกิด 31 สิงหาคม 2490 จบนิติศาสตร์บั มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนติบัณฑิตไทย (นบท.) สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ทำงานรับราชการเรื่อยมา ตั้งแต่ผู้พิพากษา จนถึงรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงยุติธรรม และปลัดกระทรวงแรงงาน ภรรยาชื่อ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยนางเยาวภา เป็นอดีตแกนนำพรรคไทย เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณและนางเยาวภา ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ทำให้นายสมชาย จำเป็นต้องเดินเข้าสู่เส้นทางทางการเมือง โดยเป็นแกนนำสำคัญของพรรคพลังประชาชน และจะขึ้นเป็นรองนายก


รองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.การคลัง เลขาธิการพรรคพปช.

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี

เกิด 2พฤษภาคม 2500 จบสาขาแพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นหนึ่งในกลุ่มคนเดือนตุลาก่อนหน้าที่จะเข้าสู่วงการเมือง เคยทำหน้าที่ผู้อำนวยการโรงเรียนการบริหารโรงพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จากนั้น เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย โดยได้รับการผลักดันให้เป็นรมช.ว่าการกระทรวงสาธารณสุข รมว.กระทรวงไอซีที และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ภายหลังพรรคไทยรักไทยถูกยุบ นพ.สุรพงษ์ ถือเป็นผู้บริหาร คนสำคัญของพรรคพลังประชาชน ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้ความไว้ใจอย่างมาก


รองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.พาณิชย์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพปช.

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ

เกิด 5 กุมภาพันธ์ 2495 จบการศึกษาจากนิติศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มทำงานมาตั้งแต่ฝ่ายขาย มาร์เก็ตติ้ง โฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อสารองค์กร ฯลฯ และได้ไต่เต้าขึ้นไปถึงระดับไดเร็คเตอร์ของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ บริษัท์รถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น จากนั้น ตัดสินใจเข้ารับตำหน่งผู้อำนวยการองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย หรือบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)เมื่อเกิดเหตุปฏิวัติขึ้นในวันที่ 19 กันยายน2549 อสมท.ปล่อยสัญญาณภาพให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จากต่างประเทศตอบโต้คณะปฏิวัติ ทำให้ 'มิ่งขวัญ'ตัดสินลาออกจากอสมท.จากนั้น มีการทาบทามให้ 'มิ่งขวัญ' มาเป็นหัวหน้าคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรคพลังประชาชน


รองนายกรัฐมนตรี ดูแลด้านคมนาคม

นายสหัส บัณฑิตกุล

เกิด 1 สิงหาคม 2493 จบปริญญาตรีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ.2510 (รุ่น 10) ก่อนเป็น รองผู้ว่ากทม. สมัยนายสมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.เคยเป็นผู้บริหารบริษัทโอเลฟินส์ ในเครือปตท.มาก่อน เมื่อเข้าทีมเป็นรองผู้ว่ากทม.ของนายสมัตรแล้ว นายสมัครได้มอบหมายให้ดูแล หน่วยงานต่างๆของกทม.อาทิ สำนักการโยธา สำนักการระบายน้ำ สำนักการจราจรและขนส่ง จนนายสมัครไว้วางใจมาก และถือเป็นคนใกล้ชิดนายก ที่นายสมัคร ต้องดึงตัวมานั่งในตำแหน่งรองนายกฯ ให้ดูแลงานด้านคมนาคม และยังเป็น นอกจากนี้ ยังเป็นเพื่อนสนิทร่วมรุ่นวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ กับนาย ธีรพล นพรัมภา เต็งหนึ่งเลขาธิการนายกฯของนายสมัคร อีกด้วย


รองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์

เกิด7กันยายน 2478 เป็นชาวพิจิตร เคยรับราชการเหล่าทหารม้า มียศทางทหารสุดท้ายเป็น พันโท ก่อนจะถูกให้ออกจากราชการ เมื่อ พ.ศ.2520 เมื่อร่วมก่อการกบฏ 26มีนาคม 2520 ซึ่งมี พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริเป็นหัวหน้า พ.ท.สนั่นถูกจำคุกที่ เรือนจำลาดยาว จากข้อหากบฏ ทำให้สนิทสนมกับ พ.อ.มนูญ รูปขจร (ปัจจุบันคือ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร) ต่อมาในภายหลังเมื่อ พ.ท.สนั่น ได้เข้าทำงานการเมือง และดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พ.ท.สนั่นได้รับโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศเป็น 'พลตรี'
อดีตเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ 10สิงหาคม 43 มีความผิด ฐานจงใจแสดงบัญช้ทรัพย์สินเป็นเท็จ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5ปี หลังจากนั้น ก่อตั้ง และ เป็นหัวหน้าพรรคมหาชน ต่อมาหอบหิ้วลูกพรรค 15คนเข้าผนึกกับพรรคชาติไทย เพื่อรับหน้าที่เป็นมือประสานสิบทิศกับพรรคการเมืองต่าง


รองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.อุตสาหกรรม หน.พรรคเพื่อแผ่นดิน

นายสุวิทย์ คุณกิตติ

เกิด 17ตุลาคม พ.ศ.2500 ที่ อ.เขาสวนกวาง ขอนแก่น ม.ศ.5โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ พ.ศ. 2522 ได้ปริญญาตรี ทางเคมี และพ.ศ. 2523 ต่อปริญญาโทในสาขาเดียวกัน ที่ มหาวิทยาลัยเคนตักกี้สหรัฐอเมริกา สมรสกับ นางลาวัณย์ คุณกิตติ มีบุตรด้วยกัน 3 คน เข้าสู่วงการเมืองครั้งแรกในสังกัด พรรคกิจสังคม ได้เป็น ส.ส.ขอนแก่น ตั้งแต่อายุเพียง 26ปี หลังจากนั้นบางช่วง ย้ายไปสังกัด พรรคเอกภาพ และกลับไปสังกัด พรรคกิจสังคม ต่อมาดำรงตำแหน่ง หัวหน้าพรรค ภายหลังการเสียชีวิตของ นายมนตรี พงษ์พานิช ก่อนจะย้ายไปสังกัด พรรคไทยรักไทย
ปี48 ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบตัน ยุติงานการเมืองทำให้รอดพ้นจากบ่วง 111 ต่อมาตั้งพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นหัวหน้าพรรคคนแรก แต่สอบตกในพื้นที่แจ้งเกิดของตน


รมต.ประจำสำนักนายกฯ (ด้านกฏหมาย) รองเลขาธิการพรรคพปช.

นายชูศักดิ์ ศิรินิล

เกิด 25 กรกฎาคม 2491 มัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนสันติราษฎร์บำรุง นิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมดี) สาขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนติบัณฑิตไทย MASTER OF COMPARATIVE LAW สาขานิติศาสตร์ SOUTHERN METHODIST UNIV.ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง 2 สมัย สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นที่ปรึกษาประธานรัฐสภา อดีตส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย


รมต.ประจำสำนักนายกฯ (ด้านสื่อสารมวลชน)

นายจักรภพ เพ็ญแข

เกิดพ.ศ. 2510 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ฯ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ปริญญาโทมหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ สหรัฐอเมริกา และระดับปริญญาเอกจนจบ ทำงานครั้งแรกกับเครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี) แล้วลาออกเป็นเจ้าหน้าที่ทูต กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ต่อมาทำงานสื่อมวลชนแบบเต็มตัว โดยทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ จากนั้นเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ 1 ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.กทม.ปี 2548และ 2549 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง
หลังรัฐประหาร 19กันยายน ทำสถานีโทรทัศน์กับกลุ่มอดีตแกนนำพรรคทรท. แต่ไม่ได้ออกอากาศ จึงเดินสายประท้วง แปลงสภาพเป็น 'แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ'(นปก.) เรียกร้องความเป็นธรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จนถูกจำคุกจากการบุก 'บ้านสี่เสาเทเวศ'

นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เลขาธิการพรรค รช.

เกิด 25ธ.ค.2498 ปริญญาตรีบริหารเศรษฐศาสตร์ Franklin Pierce College, New Hampshire, USA ปริญญาโทการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มธ. (รุ่นที่ 8) เล่นการเมืองในนามพรรคประชาธิปัตย์ โดยการชักชวนของ'พล.ต.สนั่น' ปี 2538 เป็นส.ส.สมัยแรกพิจิตร เป็นปธ.กมธ.การกีฬา รมช.คมนาคมรัฐบาลประชาธิปัตย์ เมื่อพล.ต.สนั่นเว้นวรรคทางการเมือง 5ปี เสธ.หนั่นพยายามผลักดันเป็นเลขาธิการพรรคปชป.แทน แต่ถูกนายอนันต์ อนันตกูลเสียบแทน จึงแค่รักษาการเลขาฯไม่กี่เดือน จึงตัดสินใจอำลาพรรคปชป. และหายจากการเมืองไปช่วงหนึ่ง
เมื่อเกิดรัฐประหาร 19ก.ย. ร่วมก่อตั้งพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา (รช.) ซึ่งรวมกับพรรคชาติพัฒนาของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ โดยมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้ประสานงานกับนายทุนกลุ่มต่างๆให้กับพรรค จนได้ตำแหน่งเลขาธิการพรรครช. ตอนนี้ จึงกลับมาผงาดอีกครั้ง

ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

อายุ 51ปี ภรรยาว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำกลุ่มโคราช ในพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นนักการเมืองหน้าใหม่ เพิ่งได้รับเลือกให้เป็นส.ส.นครราชสีมาเป็นสมัยแรก สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ม.เกริก และคณะพยาบาลศาสตร์ ม.มหิดล ล่าสุดเป็นผู้อำนวยการสาธารณสุข องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ก่อนจะลาออกมาลงสมัครส.ว.นครราชสีมาเมื่อปี 2549 แต่เนื่องจากเกิดรัฐประหาร 19ก.ย.49 จึงไม่ได้ทำหน้าที่ส.ว.และได้เป็นนักการเมืองสมใจ จากนั้นเมื่อสามีประสบปัญหา 111ที่ถูกเว้นวรรคทางการเมือง
ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ เป็นสตรีที่มีพื้นหลังไม่ธรรมดา นอกจากเป็นศรีภริยาว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี อดีตแล้ว ยังเป็นบุตรสาวของ 'เลิศ หงส์ภักดี'อดีตผู้ว่าฯ โคราช อดีตผู้ว่าฯ กทม.อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีตส.ส.เมืองย่าโม

นายวิรุฬ
เตชะไพบูลย์

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 5

เกิด 4 สิงหาคม 2486 ศึกษาโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา ร.ร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โรงเรียนเซนต์สตีเว่น ฮ่องกง ปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจ สาขาบริหารงานทั่วไป มหาวิทยาลัย HAWTHONE รัฐนิวแฮมเชอร์ USAปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติศักดิ์ (สาขาการตลาด) มหาวิทยาลัยรามคำแหง นักธุรกิจเจ้าของเซ็นทรัลเวิร์ด พลาซ่า
เคยเป็นอดีตที่ปรึกษารมช.การคลัง (วราเทพ รัตนากร)ปี 2546–2548 อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง ปี 2548 และกก.ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง (วราเทพ ปี 2548และ2549) อยู่ในฐานะทุนทางการเมือง ตั้งแต่สมัยเป็นรองหน.พรรคความหวังใหม่ และเมื่อเข้ามาร่วมพรรคไทยรักไทยก็ยังเป็นทุนที่อยู่เบื้องหลังมายาวนาน และคุ้นเคยกับ วราเทพ อดีตแกนนำไทยรักไทย ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างกำแพงเพชรและนครสวรรค์ เป็นอย่างดี

พ.ต.ท.บรรยิน
ตั้งภากรณ์

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รองหัวหน้าพรรค มฌ.

เกิด 26กรกฎาคม 2506 มัธยมศึกษา โรงเรียนนครสวรรค์ ปี 2525 ปริญญาตรี โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน ปี 2528 ปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยนเรศวร ปี2540 รับราชการตำรวจ เป็นสวป.สภ.อ.เมืองกำแพงเพชร สวป.สภ.อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ 2544 เป็นส.ส.นครสวรรค์ เขต 6 พ.ศ.2548 เป็นส.ส.นครสวรรค์ เขต 6 กลุ่มวังน้ำยม พรรคไทยรักไทย
ประสบการณ์ทำงาน รองประธานกมธ.การเงินการคลังการธนาคาร กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค กมธ.รสาธารณสุข กรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) เลขานุการรมว.แรงงาน ในการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 ลงสมัคร ส.ส.แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 2 ซึ่งพ.ต.ท.บรรยิน เป็นสมาชิกคนสำคัญของพรรคมัชฌิมาธิปไตย โดยอยู่ในสายของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน

นายสันติ พร้อมพัฒน์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 2 พรรคพปช.
เกิด 20กันยายน 2495 ปริญญาตรี เทคโนโลยีการเกษตร วิทยาลัยบัณฑิตสกลนคร ปริญญาโท คณะศิลปศาสตรมหาบัณฑิต(รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง 2547 เคยเป็นทุนใหญ่ในภาคเหนือตอนล่างให้พรรคความหวังใหม่ เมื่อมาอยู่ร่วมกับพรรคไทยรักไทย ก็มีบทบาทในพื้นที่ เพชรบูรณ์ พิจิตร นครสวรรค์ ลพบุรี พิษณุโลก ร่วมกับ พงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล (เฮียเพ้ง) อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย เมื่อทรท.ถูกยุบ ก็มีบทบาทแทนเฮียเพ้ง ในภาคเหนือตอนล่างอย่างเต็มตัว ถือเป็นสายตรงคุณหญิงพจมาน ชินวัตร
เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ โดยนั่งเป็นประธานกรรมการ บริษัท นวพัฒนาธานี จำกัด ประกอบธุรกิจประเภทพัฒนาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งประกอบอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรและชิ้นส่วนรถยนต์

นายทรงศักดิ์ ทองศรี

รมช.กระทรวงคมนาคม ส.ส.บุรีรัมย์ กก.บริหารพรรคพปช.

เกิด 20เมษายน 2501 การศึกษา โรงเรียนอนุบาลประโคนชัย (อำนวยกิจ)บุรีรัมย์ มัธยมศึกษา โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาคม กทม.ปริญญาตรี นิติศาสตร มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยอิสเทินเอเซีย เป็นส.ส.บุรีรัมย์ตั้งแต่ 22มีนาคม2535 พรรคสามัคคีธรรม ต่อมาย้ายมาพรรคชาติไทย เป็นส.ส.อีกปี35/2และ38 ปี 39 ย้ายมาพรรคความหวังใหม่ เคยเป็นผช.เลขาฯ รมว.คลัง ผช.เลขาฯรมว.ศธ.ประธานกมธ.การท่องเที่ยว
จนเมื่อพรรคไทยรักไทยถูกยุบ 'ทรงศักดิ์' ในฐานะที่เป็นคนใกล้ชิดนายเนวิน ชิดชอบ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ได้รับการผลักดันให้เป็นประธานคณะกรรมการประสานงานภาคอีสาน

นายอนุรักษ์ จุรีมาศ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รองหัวหน้าพรรคชาติไทย

เกิด 4สิงหาคม 2503 จบนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ.2526จบ เนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมกฎหมายแห่งเนติบัณฑิตสภา เป็นส.ส.ร้อยเอ็ดตั้งแต่ปี 29-39 มีตำแหน่งสำคัญในหลายครั้ง เป็น รมช.อุตสาหกรรม รมช.เกษตร ปี 2545เป็นรมว.พัฒนาสังคมฯ และปี 2546 รมว.วัฒนธรรม
เป็นคนที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยให้ความไว้วางใจมาก และได้โควต้าของพรรคเป็นรมต.ถึง 4 ครั้ง การเลือกตั้งที่ผ่านมา มีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของพรรคชาติไทย และหลายครั้ง สามารถช่วยกู้สถานการณ์ของพรรคชาติไทยได้ ในครั้งนี้ จึงได้ไว้วางใจให้เป็นรมช.คมนาค

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย
เกิด 27 เมษายน 2494 รัฐศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง รัฐศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีประสบการณ์ทางการเมืองอย่างโชกโชน เป็นส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทยมาถึง 9 สมัย ตำแหน่งสำคัญ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 2538,รมช.ศึกษาธิการ 2540,รมว.ศึกษาธิการ2542,รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 พ.ศ.2544
เป็นคนเดือนตุลาที่แปลงสภาพเป็น'สายพิราบ'ให้พรรค เป็นมือโต้ทางการเมืองให้พรรคมายาวนาน มากประสบการณ์ รับงานหนักเป็นมือประสานหาทางลงร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน คว้าเก้าอี้ไปนั่งตามความคาดหมาย เพราะเป็นคนที่ บรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคไว้วางใจที่สุด

นายสมพัฒน์ แก้ววิจิตร

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

เกิดเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2504 อายุ 47 ปี
การศึกษาจบมัธยมที่ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ปริญญาตรี รัฐศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาตรีสาขาธุรกิจ M.B.A. Samford University U.S.A.
ประสบการณ์ในการทำงานเคยเป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว. กระทรวงศึกษาธิการ
ผู้ช่วยเลขานุการ รมว. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เลขานุการ รมว. กระทรวงศึกษาธิการ เลขานุการ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง


นายธีระชัย แสนแก้ว

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส.ส.อุดรธานี พปช.
เกิด 5กุมภาพันธ์ 2500 อายุ 51 ปี ศึกษาที่โรงเรียนบ้านโคกสูง โรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์บัณฑิต สถาบันราชภัฎอุดรธานี ปริญญาโทสังคมสงเคราะห์ ขบวนการยุติธรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมาชิกสภาจังหวัดอุดรธานี 2538-2542 ส.ส.อุดรธานี เขต 7 ปี 2544-2548 เคยเป็นอดีตเลขานุการประจำนายกรัฐมนตรี ที่สำคัญเป็นอดีตเลขาธิการสมาคมชาวไร้อ้อยอีสานเหนือ และรองประธานสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน มีบทบาทในการปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาโดยตลอด โดยเฉพาะเหตุการณ์หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน เป็นแกนนำใน 'กลุ่มคนรักทักษิณไม่เอาเผด็จการ'ประสานงานยู่กับเนวิน ชิดชอบ ตลอดเวลา

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

นักการเมืองฝีปากกล้า เกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2491 การศึกษา นิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง เคยรับราชการตำรวจมีตำแหน่งเป็นสารวัตรกองปราบฯ ร.ต.อ.เฉลิม จากนั้นเริ่มต้นชีวิตทางการเมืองด้วยการเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และในปี พ.ศ. 2529 ได้ก่อตั้ง พรรคมวลชน โดยรับตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค มีฐานเสียงสำคัญในพื้นที่ฝั่งธนบุรี ในการทำงานการเมืองเคยดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแล องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย จนได้รับฉายาจากสื่อมวลชนว่า "เหลิมดาวเทียม" ภายหลังบทบาททางการเมืองของร.ต.อ.เฉลิม เงียบหายไปนาน จนพรรคไทยรักไทยถูกยุบ ร.ต.อ.เฉลิม จึงถูกพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะคนคุ้นเคยในอดีตให้มาช่วยงานพรรคพลังประชาชนในยามที่พรรคคาดแคลนบุคลากร โดยบุคคลที่มีความสามารถอภิปรายในสภาอย่างดุเดือด

นายสุพล ฟองงาม

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

เกิดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2505 จบการศึกษาระดับปริญญาตรี นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เมื่อปี 2528 จากนั้นเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโท พัฒนาสังคม ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหาร ประสบการณ์ทางการเมือง เป็นสมาชิกสภาจังหวัดอุบลราชธานีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุบลราชธานี ตั้งแต่ปี 2539-2543 นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในอดีตแกนนำแนวร่วมเผด็จการเพื่อประชาธิปไตยในภาคอีสานด้วย สุพล ยังถือเป็นคนในสังกัดของนายเนวิน ชิดชอบ อดีตแกนนำคนสำคัญของพรรคไทยรักไทย

นายสิทธิชัย โควสุรัตน์

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

นักการเมืองพันธุ์แท้ที่ไต่ระดับจากการเป็นนักการเมืองท้องถิ่นเมื่อปี 2523 ในฐานะสมาชิกสภาจังหวัดอุบลราชธานี จากนั้นก็ยึดครองพื้นที่อุบลราชธานีมาโดยตลอด กลายเป็นผู้แทนฯ เมืองอุบลฯ ตั้งแต่ปี 2538 เรื่อยมาโดยไม่เคยสอบตก เหตุเพราะได้ “ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ” อดีตรมช. พาณิชย์ และรมช. ต่างประเทศ เป็น “แบ็คใหญ่” ทำให้เขากลายเป็นสมาชิกถาวรของกลุ่มวังพญานาค และล่าสุด “แบ็คเดิม” นั่นเองที่ผลักดันให้เขา ขึ้นแท่นเสนาบดีเป็นหนแรกของชีวิต
อย่างไรก็ตามชื่อ “สิทธิชัย” ไม่ค่อยติดหูสื่อเพราะเจ้าตัวไม่ถนัดสร้างภาพ เพิ่งมาโด่งดังในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา หลังปรากฏข่าวเรื่องพปช. ปลอมแปลงลายเซ็นของเขา จึงส่อว่าจะขัดคุณสมบัติในการลงสมัครส.ส. เพราะเป็นสมาชิก 2 พรรคการเมือง แต่ท้ายที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้สั่งคืนสิทธิผู้สมัครส.ส. ระบบสัดส่วนกลุ่ม 4 เบอร์ 10 ให้เขา ทำให้ “สิทธิชัย” ถูกจับตามองว่าอาจกลายเป็นแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ เพราะอาจทำให้พปช. ถูกสั่งยุบพรรค

วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2551

"ภูมิภาคนิยม - ชนชั้นนิยม" ความรุนแรงทางการเมืองในสังคมไทย
โดย : วรภัทร วีรพัฒนคุปต์
เมื่อ : 7/01/2008 12:57 PM เป็น ไปตามที่คาดหมายสำหรับผลการเลือกตั้ง ที่แทบจะไม่ต้องลุ้นผลที่จะออกมา เพราะเห็นแนวโน้มมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่ลงประชาติรางรัฐธรรมนูญแล้ว ซึ่งครั้งนั้นหากหลายคนยังจำกันได้ ภาคอีสานกับภาคเหนือเป็นพื้นที่สีแดงจนแทบจะใช้คำว่ายกภูมิภาคก็เห็นจะไม่ ผิด และมีจุดที่น่าสนใจตรงที่ว่า พื้นที่ภาคใต้แม้จะเป็นสีเขียวทั้งหมด แต่ในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้กลับเป็นพื้นที่ที่มีจำนวนบัตรกาโหวตโนสูงที่ สุดในพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด

และก็เป็นไปตามคาด พรรคพลังประชาชน กวาดภาคอีสานกับภาคเหนือจนแทบเรียบ และน่าสนใจว่าจังหวัดขอนแก่นซึ่งเป็นถิ่นของ นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งเป็นแชมป์มาหลายสมัยแล้ว แม้จะเปลี่ยนแบรนด์กี่ครั้งก็ไม่เคยทำให้คะแนนเสียงหด แต่ครั้งก็นี้ก็ยังถูกพลังประชาชนกวาดยกจังหวัด ส่วน ภาคกลางก็ถัวๆ กันไป ภาคใต้ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าพรรคอะไรจะเป็นแชมป์ ก็ได้เป็นแชมป์ตามนั้น แต่น่าสังเกตว่า ในจังหวัดยะลากับนราธิวาสซึ่งเป็นพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กลับถูกคนของกลุ่มวาดะห์เจาะไข่แดงกลับมาได้

แน่นอนว่าผลออกมาเป็นเช่นนี้ ก็ย่อมต้องตามมาด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานาจากท่าผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลายที่ออกมาทำตัวเป็นกูรู้ (Guru) และกูไม่รู้

และเป็นไปตามคาด เสียงวิจารณ์จากท่านกูรู้และกูไม่รู้ ยอ่มต้องพูดถึงเรื่องที่ต้องออกมาวิพากษ์วิจารณ์ภาคอีสานไปต่างๆ ว่าเป็นภาคที่คนไม่มีความรู้บ้าง โดนซื้อเสียงบ้าง โดนขั้วอำนาจเก่าจูงจมูกบ้าง

และยังวิจารณ์ไปถึงขนาดที่ว่า ชนชั้นกลางที่มีการศึกษาสูงจะเลือกพรรคอะไร คนรากหญ้าไม่มีความรู้กับนักวิชาการขายตัวจะเลือกพรรคอะไร

และแน่นอนว่าคนที่อยู่ฝ่ายกองเชียร์รัฐประหาร ย่อมต้องไม่ปลื้ม และต้องออกมาวิพากษ์วิจารณ์คนที่เชียร์ฝ่ายตรงข้าม ซึ่งก็ไม่พ้นเรื่องว่าไร้การศึกษา เป็นกรรมกร เป็นชนชั้นล่างอีกตามเคย

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับสังคมไทยในเวลานี้ เป็นปรากฎการณ์ที่เรียกว่า "ภูมิภาคนิยม (Regional Centeredness)" กับ "ชนชั้นนิยม (Class - Centeredness)" ซึ่งเป็นลักษณะหนึ่งของ "อัตนิยม(Egocentrism)" ซึ่งหนังสือ "อาวุธมีชีวิต? แนวคิดเชิงวิพาก์ว่าด้วยความรุนแรง" ของอาจารย์ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ ได้อธิบายว่าอัตนิยมเป็นความสามารถในตัวของมนุษย์ในการแยกตนเองและกลุ่มของตนเองออกจากผุ้อื่นและกลุ่มอื่น ในทางจิตวิทยาเรียกกระบวนการดังกล่าวว่า "Egocentric Perceiving" หรือการรับรู้โดยมีตัวเองเป็นศูนย์กลาง

อัตนิยมนี้เอง เป็นสิ่งที่ได้สร้างกำแพงขึ้นมากั้นระหว่างความแตกต่าง สร้างความเป็นเขาความเป็นเราให้เด่นชัดยิ่งขึ้นจากการที่เรามองความเป็นตัว เราเองเป็นศูนย์กลาง และทำให้เราไม่สามารถเข้าใจผู้อื่นจากแง่มุมของเขาได้ โดยอาศัยองค์ประกอบที่เรียกว่า "การแยกประเภทเทียม (Pseudospeciation)" เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ให้เราสามารถกดฝ่ายที่แตกต่างจากเราลงไปจากระดับความเป็นมนุษย์ประเภทเดียวกับเราได้ง่ายขึ้น

และนี่เองคือพื้นฐานของความรุนแรงของมนุษยชาติ มายาการแห่งอัตลักษณ์นอกจากสามารถเป็นกำแพงปิดกั้นความเข้าใจในความแตกต่าง ซึ่งกันและกันได้แล้ว มันยังเพิ่มความสามารถให้มนุษย์สรรหาเหตุผลต่างๆ นานาเพื่อมาอธิบายความชอบธรรมของความรุนแรงที่กระทำต่อกันได้ด้วย

ซึ่งในทางการเมืองระบอบประชาธิปไตยนั้น วิธีคิดภายใต้มายาการแห่งอัตลักษณ์นี้เป็นสิ่งที่อันตรายมาก เพราะจะทำให้เกิดความแตกแยกโดยที่เรายึดตัวตนของเราเป็นที่ตั้ง ปิดตัวเองจากการรับรู้เข้าใจผู้อื่น ความสามารถในการมองความขัดแย้งที่มีตัวเราเป็นที่ตั้ง จะทำให้เราสามารถหาข้ออ้างหาเหตุผลมาอธิบายความผิดของฝ่ายตรงข้าม ตลอดจนเหตุผลที่รองรับความชอบธรรมในการกระทำรุนแรงกับฝ่ายตรงข้ามได้มากมาย แต่ในขณะเดียวกันความสามารถในการพิจารณาเหตุและผล ประเมินความผิดพลาดที่มาจากตนเองก็ลดลงไปด้วยเช่นกัน

เหมือนเช่นที่คณะผู้ก่อการรัฐประหารและผู้สนับสนุนไม่เคยพิจารณาตนเองว่า สิ่งใดบ้างที่ตนทำแล้วประชาชนเอือมระอา ไม่ว่าจะเป็นการที่บริหารประเทศโดยไม่ฟังเสียงประชาชน การทำตัวเป็นศัตรูกับประชาชนทุกคนที่คิดเห็นต่างจากตน การบริหารประเทศที่มุ่งแต่หาความผิดของขั้วอำนาจเก่า (และไม่มีหลักฐานที่ชัดพอให้สังคมยอมรับร่วมกันได้ด้วย) แต่ในขณะเดียวกันกลับไม่ทำให้คุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้น ซ้ำยังไปเบียดเบียนชาวบ้านตาดำๆ อีก ดังเช่นการนำกำลังทหารไปกดดัน ไปคุกคามสิทธิเสรีภาพของชาวบ้านในภาคอีสานและ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

จนกระทั่งสุดท้ายเมื่อแพ้ภัยตัวเองด้วยผลการประชามติรัฐธรรมนูญที่ชนะแค่เฉียดฉิว กับผลการเลือกตั้งที่แพ้พรรคการเมืองตัวแทนอำนาจเก่าอย่างราบคาบ ท่านผู้ทรงเกียรติเหล่านี้กลับยังมองไม่เห็นความผิดพลาดที่ตนเอง

ผมเขียนบทความนี้เพื่ออยากเตือนสติคนไทย โดยเฉพาะชนชั้นกลาง รวมถึงผู้ที่รู้สึกว่าตนเองเป็นชนชั้นกลางทั้งหลาย อย่าได้หลงมัวเมากับคำโฆษณาโง่ๆ ของผู้มีอำนาจที่ต้องการให้พวกเราแตกแยกกันอีกเลย

อย่าหลงมัวเมากับความเป็นชนชั้นกลาง ความเป็นคนเมืองของตนจนปิดกั้นหัวใจไม่รับฟังความรู้สึกจากหัวใจของผู้อื่นบ้าง โดยเฉพาะกับประชาชนผู้ใช้สัญชาติร่วมกัน เพียงแต่ต่างภูมิภาค ต่างฐานะ ต่างความเชื่อ

เราไม่มีวันไปถึงความเป็นประชาธิปไตยที่เราใฝ่ฝันหาได้ หากเรายังไม่เปิดใจยอมรับความแตกต่าง เพราะประชาธิปไตยที่แท้จริงแล้ว มันคือสังคมที่รวมความแตกต่างหลากหลายให้อยู่ร่วมกันได้ภายใต้ร่มเงาเดียว กันได้โดยสันติ ไม่เบียดขับ แบ่งแยกศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ซึ่งกันและกันด้วยมายาการโง่ๆ ทั้งหลายที่มนุษย์อุปโลกน์ขึ้นมาให้มีความสำคัญเหนือกว่าความเป็นมนุษย์ ประเภทเดียวกันในทางชีววิทยาที่แทบจะไม่มีอะไรต่างกันเลย

ประชาธิปไตยที่แท้จริงมันต่างจากระบอบเผด็จการก็ตรงนี้เอง....

วรภัทร วีรพัฒนคุปต์
เลขาธิการศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย (ศยป)





http://www.thaingo.org/writer/view.php?id=618

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2551


ยุทธการดับไฟใต้ หรือยุทธการเลี้ยงไฟใต้ กับปริศนา "สายลับ" ทหาร
โดย : พณ ลานวรัญ
เมื่อ : 8/01/2008 12:33 PM

เมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา ผบ.ศปก.ตร.ส่วนหน้าคุมทหารยศ พ.ท. 2 นาย พร้อมพลเรือนอีก 1 คนมาทำการสอบสวน หลังพบพาสเวิร์ดเข้าศูนย์ข้อมูลยุทธการ กอ.รมน. ของเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คน ตกถึงมือแกนนำ อาร์เคเค. แต่เบื้องต้นทั้ง 3 ยังให้การปฏิเสธ

ความคืบหน้ากรณี พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผช.ผบ.ตร.ทำหน้าที่ ผบ.ศปก.ตร.ส่วนหน้า ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวน เชิญตัวนายทหารระดับ พ.ท. 2 นาย และข้าราชการพลเรือน 1 คน มาสอบสวนที่ ศปก.ตร.ส่วนหน้า เพื่อหาข้อเท็จจริงว่ามีส่วนพัวพันกับแกนนำ อาร์เคเค. จริงหรือไม่ เนื่องจากหลังจากที่ พ.ต.ท.พิชวุชญ์ สงวนสมบัติศิริ รอง ผกก.กลุ ่มงานสืบสวน ได้นำกำลังเข้าปิดล้อมจับกุมแกนนำ อาร์เคเค. ที่บ้านต้นหยี ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา สามารถจับตายนายยูฮัน ลาเต๊ะ นายฟาเด จิใจ และนายแวยูโซะ แวดือราแม ซึ่งมีตำแหน่งเป็น ผบ.ฝ่ายทหารของขบวนการบีอาร์เอ็นโคออร์ดิเนต และจับเป็นแนวร่วมได้ 5 คน พร้อมยึดคอมพิวเตอร์และแผ่นดิสก์ มาทำการตรวจสอบ พบว่ามีรายชื่อของนายทหาร 2 นาย พลเรือน 1 นาย อยู่ในแผ่นดิสกฺ์ดังกล่าว จึงได้รายงานให้ พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 ทำหน้าที่ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ทราบ และขอตัวคนทั้ง 3 มาทำการสอบสวน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ ศปก.ตร.สวนหน้า ได้ควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 นาย เพื่อทำการสอบสวนต่อไป โดยมีนายทหารจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ร่วมสอบสวนด้วย โดยล่าสุดแหล่งข่าวระดับสูงใน ศปก.ตร.ส่วนหน้า ได้เปิดเผยให้ทราบว่า มีผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนพัวพันกับ แกนนำขบวนการทั้ง 3 คนจริง โดยเป็นนายทหารยศพันโท ทำหน้าที่ ผบ.ฉก.1 นาย ระดับ จ.ส.อ. 1 นาย และเป็นพลเรือนซึ่งเป็นอาจารย์ 1 คน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อนามสกุลได้ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างสอบสวนหาข้อเท็จจริง

ส่วนสาเหตุที่ต้องนำตัวมาสอบสวน เนื่องจากจากการตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ และแผ่นดิสก์ของแกนนำ อาร์เคเค.ที่ยึดมาได้ เจ้าหน้าที่พบรหัสประจำตัว หรือพาสเวิร์ดของเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คน ปรากฏอยู่ในแผ่นดิสก์ โดยรหัสส่วนตัวดังกล่าว เป็นรหัสที่ แกนนำ อาร์เคเค. สามารถผ่านเข้าไปเจาะข้อมูลด้านยุทธการของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าได้ เป็นเหตุให้แกนนำขบวนการ สามารถรู้ข้อมูลขั้นความลับของกองทัพ จึงสามารถวางแผน ตอบโต้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ได้ผลทุกครั้ง เพราะล่วงรู้แผนการทางด้านยุทธการนั่นเอง

จากการสอบสวนในขั้นแรก เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 นาย ยังให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นผู้ให้รหัสผ่านกับ แกนนำ อาร์เคเค.ทั้ง 3 คนที่ถูกยิงเสียชีวิต ดังนั้นจึงเจ้าหน้าที่ จึงต้องทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไปว่า รหัสผ่านดังกล่าว ตกอยู่ในมือของแกนนำขบวนการอย่างไร หรือใครเป็นผู้บอกกับแกนนำของขบวนการ ???

หลังจากอ่านข่าวดังกล่าวจากเวปไซด์ผู้จัดการ หลายคนอาจคิดตกใจว่าแกนนำฝ่ายอาร์เคเคมีศักยภาพที่น่ากลัวอย่างยิ่งในการหา ข่าว มีความรู้ ความสามารถและมีมืออาชีพถึงขั้นเจาะข้อมูลได้ จนสามารถต่อต้านข่าวกรองและตอบโต้ยุทธการของฝ่ายรัฐได้ บ้างก็อาจคิดว่า อาจจะมีหนอนบ่อนไส้ในฝ่ายรัฐส่งข้อมูลลับให้

แต่หลังจากรับรู้เรื่องนี้นั้น มันทำให้ผมนึกย้อนไปถึงยุคสมัยสงครามเวียดนาม ยุคสงครามเย็น จนถึงภาพยนต์คลาสสิคเรื่อง 2 คน 2 คม ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างมี "สายลับ" แฝงตัวเข้ามา จับได้ไล่ทันมันไม่มีวันสิ้นสุด

เพื่อนตำรวจบอกผมว่า ในการจับกุมการลักลอบค้ายาเสพติด หรือการขนยาเสพติดล๊อตใหญ่ๆ หลายครั้ง ส่วนมากก็มาจากได้รับรายงานข่าวจาก "สายลับ" ที่แฝงตัวเข้าไปในขบวนการ แจ้งเบาะแส เวลา สถานที่หรือพาหนะและรูปพรรณมา..

ด้านที่สำคัญคงต้องเห็นใจการทำงานของ "สายลับ" เหล่านั้นเป็นอย่างมากที่เสียสละเสี่ยงชีวิตอยู่ในความเป็นความตายเพื่อบ้านเมือง และแน่นอน ขบวนการค้ายาเสพติด ของเถื่อน ตลาดมืด บ่อนการพนัน ย่อมมี "สาย" ของเจ้าหน้าที่เข้าไปปะปนหาข่าวอยู่ไม่มากก็น้อยในแต่ละขบวนการ บ้างก็ฝังตัวอยู่อย่างยาวนาน เพื่อแสวงหาข้อมูลหลักฐานตามระดับชั้นที่ต้องการ หรือตามเป้าหมายที่ทางการต้องการ ซึ่งอาจจะต้องปล่อยผ่านบางเรื่อง เพื่อไปสู่บางเรื่อง หรือเพื่อเรื่องที่ต้องการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

การสั่งสมของยุทธการนี้ ย่อมเกิดอาณาจักร "สีเทา" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การผ่านไปมาของขาวกับดำย่อมมีการหาผลประโยชน์ในช่วงสีเทาเป็นธรรมดา สายบางคนก็กลายเป็นโจรไปจริงๆ หรือสายโจรมาเป็นตำรวจจริงๆ อย่างในภาพยนต์ 2 คน 2 คมก็คงเป็นไปได้ ถ้ามี

เราจึงเห็นภาพในสังคมว่า ทำไมเจ้าหน้าที่บางนายถึงกลายเป็นโจร หรือเป็นผู้มีอิทธิพลไปได้ บางคนไปคุมบ่อน ค้ายา ของเถื่อน เสียเองดังที่รู้เห็นกันอยู่ บ้างก็เลี้ยงสาย กลายเป็น "ซุ้มมือปืน" หรือชุมนุมมาเฟียก็มาก แน่นอนอาณาจักรสีเทาหลายส่วนถูกดูแลและกำกับโดยบิ๊กตำรวจ หรือเสธ.ทหารคนใหญ่คนโตกันทั้งนั้น โดยเฉพาะธุรกิจการรักษาความปลอดภัย ส่วยและการค้าของเถื่อน

แน่นอน คดีเหล่านี้ ขึ้นอยู่ว่า จะจับอะไร ปล่อยอะไร โชว์อะไร เพื่อไม่ให้ชัดเจนเกินไปนักในสังคม และหรือหาก "หน่วยเหนือ" ขอมา

ย้ำว่าที่กล่าว เป็นเจ้าหน้าที่สีเทาส่วนน้อยนะครับ ในวงการก็รู้ๆ กันอยู่

หน่วยการข่าว เพื่อหาข่าวกรองและต่อต้านข่าวกรอง มันเป็นยุทธการมาอย่างช้านานแล้วของฝ่ายรัฐ ในยุคสงครามเย็นหน่วยการข่าวนี้ทำหน้าที่ถึง การปฏิบัติการเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายเลยทีเดียว ยกตัวอย่างยุทธการหนึ่งซึ่งมหาอำนาจเคยวางแผนให้ประเทศเป็นกลางต่อต้านฝ่ายศัตรู ตามยุทธวิธีแบ่งแยกและโดดเดี่ยวศัตรู

ขั้นที่ 1 ท่านไม่จำเป็นต้องสนับสนุนเรา ขอเพียงแต่อย่าสนับสนุนฝ่ายตรงข้าม ขั้นที่ 2 ท่านไม่ต้องเห็นด้วยกับเรา แต่ท่านต้องไม่เห็นด้วยกับฝ่ายตรงข้าม ขั้นที่ 3 ท่านไม่ต้องร่วมกับเรา แต่ท่านต้องต่อต้านฝ่ายตรงข้าม...

ในสมัยสงครามเวียดนาม ได้รับการยืนยันว่า สมัยนั้นกองทัพมหาอำนาจถึงขั้นจัดตั้งหน่วยลับออกปฏิบัติการในยามค่ำคืน (ฆ่า-ลากไส้ ฯลฯ) ต่อพลเมืองเวียดนามในไซ่ง่อนเพื่อโยนความผิดและสร้างภาพอำมหิตผิดมนุษย์ให้พวกเวียดกง

แน่นอน จนถึงวันนี้ขบวนการก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีตัวตนอยู่จริง บ้างก็มีการจัดตั้งเป็นสายงานเป็นขบวนการ จากความคิด ความเชื่อและบุคคล และระดับย่อยที่กระจายตัวในพื้นที่ต่างๆ ในรูปแบบที่ไม่มีเอกภาพและไร้การบังคับบัญชารวมศูนย์แต่เน้นการตอบโต้ภาค รัฐเป็นหลัก ตามรูปแบบสงครามยุคใหม่-ศัตรูที่ไร้ตัวตนของรัฐ บ้างก็มาจากความคับแค้นของชาวบ้านเองที่ได้รับจากฝ่ายรัฐ บ้างก็มาจากขบวนการค้ายาเสพติด น้ำมันและของเถื่อนเอง ออกโรงผสมปนเปกันไปจนเป็นเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างในขณะ นี้ และฝ่ายความมั่นคงก็รู้ปัญหาดี

ผมสอบถามไปยังข้าราชการระดับซี 10 ซึ่งใกล้ชิดความรับผิดชอบในเรื่องปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยผู้หนึ่ง ยืนยันว่า แกนนำ อาร์เคเค.ทั้ง 3 คนที่ถูกยิงเสียชีวิตซึ่งมีรหัสผ่านเข้าข้อมูลและยุทธการของกองอำนวยการ รักษาความมั่นคงภาค 4 ส่วนหน้านั้น เป็นสายของเจ้าหน้าที่ทหาร !!!

เพียงแต่ว่า หน่วยที่ไปปฏิบัติการจับกุมเป็นคนละหน่วยงานที่ไม่รู้กันว่าใครเป็นสายใคร!!!

สรุปว่า ปัญหาความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากกลุ่มขบวนการที่ว่ามา ฝ่ายความมั่นคงมีเอี่ยวด้วย!!!

ผมย้อนนึกไปถึงพื้นที่สีเทาที่ขาวกับดำใช้แสวงหาผลประโยชน์ และแน่นอน บนระนาบเดียวกันของเส้นเจ้าหน้าที่รัฐกับโจรนี้มีประชาชนอยู่ตรงกลางและ เป็นผู้ถูกกระทำโดยตลอดมา...

ผมนึกไปถึงงบประมาณทหารปีละนับหมื่นล้านเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ งบลับกองทัพที่ประชาชนตรวจสอบไม่ได้ การค้าอาวุธเถื่อนและตลาดมืดซึ่งไม่รู้ใครหรือนักการเมืองหน้าไหนเกี่ยว ข้องหรือได้ประโยชน์อยู่กับมันบ้าง

ทำเอาสงสัยว่า ยุทธการทางการทหารที่ใช้กันแบบนี้ เป็นยุทธการดับไฟใต้ หรือเลี้ยงไฟใต้ (ไว้ให้นานๆ) กันแน่ !!!...


ที่มา : Thai-NGO


วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2551

ประวัติศาสตร์แห่งอนิเมะ : หนทางจากอดีตสู่ปัจจุบัน

history.jpg

บทความนี้ขอพาเพื่อนๆผู้อ่านทั้งหลาย ย้อนกลับไปสู่ยุคอดีตตั้งแต่อนิเมะเรื่องแรกของญี่ปุ่นถือกำเนิด มาจนถึงอนิเมะในปัจจุบันที่หลายๆคนรู้จักกันดี ถ้าพร้อมแล้ว ตั้งสมาธิแล้วลุยกันเลยเพราะมันมีข้อมูลเพียบ!!

ป.ล. มาแก้ไขโดยเพิ่มเรื่อง โดราเอมอน อิคคิวซัง และดราก้อนบอลครับ

ยุคบุกเบิก (1960s)
การทำภาพยนต์ที่มีคนแสดงในประเทศญี่ปุ่นนั้นมักจะมีงบประมาณในการทำไม่สูง นัก ทำให้คนญี่ปุ่นต้องหันมาใช้การวาดการ์ตูนหรืออนิเมะเข้ามาทดแทนเรื่องของงบ ประมาณที่จำกัด เพื่อจะสร้างเนื้อเรื่องและฉากต่างๆตามต้องการโดยไม่ต้องสร้างฉากนั้นๆขึ้น มาจริงๆ ดังนั้นจะเห็นว่าผู้สร้างสามารถจะใช้จินตนาการในการคิดเรื่องได้เต็มที่โดย ไม่ต้องไปติดข้อจำกัดเรื่องงบประมาณเลย และนี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำไมประเทศญี่ปุ่นถึงมีการพัฒนาเรื่องของอนิ เมะมาอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

hakujaden.jpg

Hakujaden - The Tale of the White Serpent

อนิเมะสีเรื่องแรกของญี่ปุ่นนั้นมีชื่อว่า ฮาคุจาเด็น (นางพญางูขาว , 1958) เป็นอนิเมะที่มีการวาดคล้ายๆแอนิเมชั่นของดิสนีย์ ซึ่งเป็นผลงานของ โตเอะแอนิเมชั่น ซึ่งเป็นผู้สร้างอนิเมะอันโด่งดังมากมาย เช่น ดราก้อนบอล เซเลอร์มูน และวันพีซ เป็นต้น

hols.jpg

Hols : Prince of the Sun

อย่างไรก็ตามอนิเมะเรื่องแรกที่มีการฉีกสไตล์ให้แตกต่างจากแอนิเมชั่นของดิสนีย์ก็คือเรื่อง โฮลุส เจ้าชายแห่งดวงอาทิตย์ (Hols , Prince of the Sun , 1968) ผลงานของ อิซาโอะ ทากาฮาตะ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นผลงานของโตเอะเข่นกัน และยังเป็นอนิเมะที่มีอนาคตผู้กำกับฝีมือดีอย่าง ฮายาโอะ มิยาซากิ มาทำหน้าที่เป็นอนิเมเตอร์ และยังได้รับการยอมรับว่าเป็นอนิเมะที่มีสไตล์การวาดเป็นต้นแบบของอนิเมะในปัจจุบันอีกด้วย

atom.jpg

Astroboy

ต่อมา อ.เทะซึกะ โอซามุ ก็ได้ก่อตั้งบริษัททำอนิเมชั่นขึ้นมาแข่งกับโทเอย์บ้างชื่อว่า มูชิโปรดักชั่น และในปี ค.ศ.1963 ก็ได้ส่ง เจ้าหนูปรมาณู ซึ่งถือว่าเป็นอนิเมะที่ฉายทางทีวีเรื่องแรกที่ได้รับความนิยมอย่างสูง หลายๆคนคิดว่านี่คืออนิเมะที่ฉายทางโทรทัศน์เรื่องแรก แต่แท้ที่จริงแล้วอนิเมะที่ฉายทางโทรทัศน์เรื่องแรกในรูปแบบมูวี่ก็คือ เรื่อง ทรีเทลส์ (1960) ส่วนเรื่องแรกที่ฉายแบบทีวีซีรีส์ คือ เรื่อง โอโตกิ มังกะ คาเลนดา (1961) ต่างหาก

ช่วงปี 1970s
ในช่วงนี้มีการแข่งขันอย่างรุนแรงจากวงการโทรทัศน์ส่งผลให้อุตสาหกรรมภาพ ยนต์ญี่ปุ่นหดตัวลง ส่งผลให้มีการลดจำนวนพนักงานของโตเอะลง และบางส่วนก็แยกตัวออกไปบริษัทอื่น ส่วนมูชิโปรดักชั่นก็ต้องล้มละลาย พนักงานเก่าจึงออกไปก่อตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาสองแห่ง ซึ่งได้ผลิตงานอนิเมะคุณภาพออกมามากมายในปัจจุบัน นั่นก็คือ แม้ดเฮาส์โปรดักชั่น (Madhouse) ( Beck , Di Gi Charat ,คาร์ดแคปเตอร์ซากุระ , Perfect Blue ) และ ซันไรส์ (กันดั้ม , ซิตี้ฮันเตอร์ , ไมฮิเมะ , Code Geass )

doraemon.jpg

ในช่วงนี้ยังมีอนิเมะอมตะในหัวใจใครหลายๆคนอย่างเรื่อง โดราเอมอน (1973) ซึ่งมีเนื้อเรื่อวหลักมาจากหนังสือการ์ตูนเกิดขึ้นด้วย

ikkyu.jpg

นอกจากนี้ยังมีเรื่อง อิคคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญา ( 1975) การ์ตูนที่นำมาฉายบ้านเราซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่รู้กี่รอบ

gundam.jpg

Mobile Suit Gundam

และยังมีการเกิดขึ้นของอนิเมะแนวหุ่นยนต์ เช่น Mazinger Z (1972) , Space Battleship Yamato (1974) และ Mobile Suit Gundam (1979) ขึ้นมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาของอนิเมะแนวไซ-ไฟ จากเดิมที่จะออกไปทางซุปเปอร์ฮีโร่ได้กลายมาเป็นแนวที่สมจริงมากขึ้นอย่าง เช่นแนวอวกาศซึ่งมีแนวเรื่องที่ซับซ้อนและเริ่มเป็นการยากที่จะตัดสินอย่าง ชัดเจนว่าสิ่งใดคือสิ่งที่ถูกสิ่งใดผิดกันแน่
ซึ่งเรื่อง Mobile Suit Gundam (1979) ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในตำนวนของวงการอนิเมะเลยทีเดียว เพราะเป็นซีรีส์ที่ได้รับความนิยมและมีการสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับกัน ดั้มต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ช่วงปี 1980s

yamato.jpg

Space Battleship Yamato Movie ver.

ด้วยความนิยมของภาพยนตร์เรื่อง Star Wars ทำให้อนิเมะแนวอวกาศได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก ส่งผลให้มีการนำเอาอนิเมะเรื่อง เรือรบอวกาศยามาโตะ (Space Battleship Yamato) กลับมาทำใหม่ในรูปแบบอนิเมะที่ฉายในโรงภาพยนตร์ ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ “ยุคทองคำแห่งอนิเมะ” เลยทีเดียว

ในช่วงนี้เองที่ประเทศอเมริกาก็ได้มีการนำอนิเมะชื่อดังไปดัดแปลงเป็นแอ นิเมชั่นของตัวเองหลายต่อหลายเรื่อง เช่น Robotech ที่ดัดแปลงมาจากเรื่อง มาครอส ของญี่ปุ่นเป็นต้น

จากเหตุการณ์ยุคทองของอนิเมะนี้เองก่อให้เกิดกลุ่มบุคคลที่เรียกว่า โอตาคุ ขึ้นมา และส่งผลให้มีนิตยสารอนิเมะอย่าง Animage และ Newtype ขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของแฟนๆอีกด้วย

daicon4.jpg

Daicon IV

นอกจากนั้นยังก่อให้เกิดกลุ่มผู้สร้างการ์ตูนมือสมัครเล่น ( แต่ฝีมือไม่ใช่เล่น ) อย่างกลุ่มที่มีชื่อว่า Daicon Film ซึ่งมีผลงานที่ได้รับการจับตามองเรื่องแรกๆก็คือการทำอนิเมะที่มีชื่อว่า Daicon III (1981) และ Daicon IV สำหรับงานเทศกาล Japan National SF Convention ซึ่งได้รับความนิยมจากกลุ่มโอตาคุเป็นอย่างมาก ต่อมากลุ่ม Daicon Film ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Studio Gainax สตูดิโอสุดแนวที่สร้างผลงานแปลกตาซึ่งโดนใจคนทั่วโลกอย่าง Evangelion , FLCL และ Gurren Lagann เป็นต้น

nausicaa.jpg

Nausicaä of the Valley of the Wind

ในช่วงนี้ก็ได้มีการสร้างอนิเมะชั้นเยี่ยมเรื่อง Nausicaä of the Valley of the Wind (1984) ขึ้นมา ซึ่งเรื่องนี้เป็นอนิเมะที่ทำให้ ฮายาโอะ มิยาซากิ โด่งดัง และเป็นต้นกำเนิดของการก่อตั้งสตูดิโอในดวงใจของคนหลายๆคนอย่าง Studio Ghibli ( Laputa , Totoro , Princess Mononoke , Spirited Away ) ขึ้นมาในภายหลัง

ในช่วงนี้ยังมีการเกิดขึ้นของ OVA ขึ้นมาอีกด้วย ซึ่งส่งผลให้เริ่มสามารถใช้ภาพที่มีเนื้อหาล่อแหลมในอนิเมะได้มากขึ้น

dragonball.jpg

ในช่วงนี้ก็มีการนำหนังสือการ์ตูนชื่อดังอย่าง ดราก้อนบอล ( 1986) มาทำอนิเมะด้วย

จากความสำเร็จอย่างสูงของ Nausicaa ส่งผลให้มีความพยายามที่จะสร้างอนิเมะแบบมูวี่มากขึ้น และต่างก็มีการใช้งบประมาณที่สูงขึ้นในการสร้าง ซึ่งเรื่องที่ใช้งบประมาณมหาศาลที่สุดสองเรื่องในขณะนั้นก็คือ Royal Space Force: The Wings of Honneamise ( Gainax 800 ล้านเยน , 1987) และ Akira ( ร่วมทุนหลายบริษัท 1100 ล้านเยน ,1988)

wing.jpg

The Wings of Honneamise

akira.jpg

Akira แต่ดูเหมือนว่าอะไรอะไรจะไม่เป็นไปอย่างที่คิด เมื่ออนิเมะทั้งหลายทำรายได้ไม่ดีนักในประเทศญี่ปุ่น ไม่เว้นแม้แต่ 2 เรื่องข้างต้น ส่งผลให้มีสตูดิโอจำนวนมากต้องปิดตัวลง ดูเหมือนว่าจะมีก็แต่ Studio Ghibli เท่านั้นที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำแต่เพียงผู้เดียว
ถึงแม้ว่า Akira จะไม่ประสบความสำเร็จในประเทศญี่ปุ่นเอง แต่มันกลับเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ จนได้ชื่อว่าเป็น อนิเมะที่ดีที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา เลยทีเดียว

ช่วงปี 1990s

eva01.jpg

Neon Genesis Evangelion

ในปี 1995 ฮิเดอากิ อันโนะ ผู้ก่อตั้ง Studio Gainax ได้เขียนและกำกับอนิเมะเรื่อง Neon Genesis Evangelion ขึ้นมาซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในประเทศญี่ปุ่นเองและในต่างประเทศ อนิเมะเรื่องนี้ก่อให้เกิดการโต้เถียงหลายๆอย่าง เนื่องด้วยเนื้อหาที่เต็มไปด้วยปริศนาและคำโกหก อีกทั้งยังมีตอนจบที่แปลกหลุดโลกจนแฟนๆหลายคนรับไม่ได้ และมีการเรียกร้องให้อันโนะทำตอนจบขึ้นมาใหม่ (บางรายร้ายแรงถึงขนาดเขียนจดหมายขู่ฆ่าเลยก็มี) อันโนะจึงตัดสินใจทำ The End of Evangelion ขึ้นมาเป็นตอนจบอีกแบบหนึ่งของเรื่องนี้ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างมากจนได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก

หลังจากการประสบความสำเร็จอย่างมากของ Evangelion ส่งผลให้มีอนิเมะแนวชวนปวดหัวออกมาจำนวนมาก เช่น Serial Experiments Lain (1998) และ RahXephon (2002)

ในช่วงปี 90s ยังเป็นช่วงรุ่งโรจน์ของอนิเมะที่สร้างจากเกมอย่าง Pokemon ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงจากเด็กๆทั่วโลก จนเกิดเหตุการณ์ที่เป็นข่าวไปทั่วโลกว่าเกิด เหตุการณ์เด็กเกิดอาการช๊อคเนื่องจากดูอนิเมะเรื่องโปเกมอน (ตอน ทหารไฟฟ้าไพโรกอน) ซึ่งมีฉากการปล่อยแสงกระพิบซ้ำๆจำนวนมาก จนต้องมีการปรับเปลี่ยนเอฟเฟคให้ปลอดภัยมากขึ้น

ช่วงปี 2000s
อนิเมะในยุคนี้มีการใช้คอมพิวเตอร์กราฟิคเข้ามาช่วยพัฒนาคุณภาพของอนิเมะ กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอนิเมะที่มีพวกหุ่นยนต์ หรือเครื่องจักรต่างๆ ซึ่งนอกจากจะทำให้การเคลื่อนไหวลื่นไหลขึ้นแล้ว ยังเป็นการช่วยลดเวลาการทำงานให้น้อยลงอีกด้วย เนื่องจากการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยประมวลผลให้นั้นมันง่ายและสะดวกกว่าวาดด้วย มือเยอะ

ในช่วงนี้อนิเมะทั้งหลายถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเอาใจเหล่าโอตาคุมากขึ้น อนิเมะที่ฉายตอนดึกหลายๆเรื่องมีฉากแฟนเซอร์วิซจำนวนมาก และหลายเรื่องก็สร้างมาจากเกมโป๊อีกด้วยแต่ก็ได้มีการตัดฉากที่ไม่เหมาะสมอ อกไป เช่น Kanon , Air และ Shuffle! เป็นต้น

haruhi.jpg

Melancholy of Haruhi Suzumiya

ในช่วงนี้มีอนิเมะที่ใช้เทคนิคการสร้างความแปลกประหลาดใจอย่าง การสลับลำดับการออกอากาศของเรื่อง Suzumiya Haruhi no Yuutsu ( Kyoto Animation ,2006 ) ซึ่งส่งผลให้เกิดการพูดถึงอย่างกว้างขวาง รวมถึงความนิยมในการเต้น Hare Hare Yukai Dance ซึ่งเป็นการเต้นตามเพลงจบของเรื่องนี้ในเว็บไซต์อย่าง Youtube ก็ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างสีสันต่อวงการอนิเมะเป็นอย่างมาก

code-geass-lelouch-of-the-rebellion.jpg

Code Geass

gurren.jpg

Tengen Toppa Gurren Lagann

ในช่วงหลังนี้ก็มีอนิเมะที่น่าสนใจเกิดขึ้นมากมาย เช่น Gundam หลายๆภาค (Sunrise) , Code Geass (Sunrise) , Gurren Lagann (Gainax) , Lucky Star ( Kyoto Animation ) และเรื่องอื่นๆอีกมากมายในดวงใจหลายๆคน

อนาคตของแวดวงอนิเมะต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร พวกเราจะได้ร่วมกันเป็นพยานของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปครับ!!

เรียบเรียงจาก : http://en.wikipedia.org/wiki/History_of_anime