ประวัติศาสตร์แห่งอนิเมะ : หนทางจากอดีตสู่ปัจจุบัน
ผู้เขียน: ศิระ เอกบุตร 17 Dec
บทความนี้ขอพาเพื่อนๆผู้อ่านทั้งหลาย ย้อนกลับไปสู่ยุคอดีตตั้งแต่อนิเมะเรื่องแรกของญี่ปุ่นถือกำเนิด มาจนถึงอนิเมะในปัจจุบันที่หลายๆคนรู้จักกันดี ถ้าพร้อมแล้ว ตั้งสมาธิแล้วลุยกันเลยเพราะมันมีข้อมูลเพียบ!!
ป.ล. มาแก้ไขโดยเพิ่มเรื่อง โดราเอมอน อิคคิวซัง และดราก้อนบอลครับ
ยุคบุกเบิก (1960s)
การทำภาพยนต์ที่มีคนแสดงในประเทศญี่ปุ่นนั้นมักจะมีงบประมาณในการทำไม่สูง นัก ทำให้คนญี่ปุ่นต้องหันมาใช้การวาดการ์ตูนหรืออนิเมะเข้ามาทดแทนเรื่องของงบ ประมาณที่จำกัด เพื่อจะสร้างเนื้อเรื่องและฉากต่างๆตามต้องการโดยไม่ต้องสร้างฉากนั้นๆขึ้น มาจริงๆ ดังนั้นจะเห็นว่าผู้สร้างสามารถจะใช้จินตนาการในการคิดเรื่องได้เต็มที่โดย ไม่ต้องไปติดข้อจำกัดเรื่องงบประมาณเลย และนี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำไมประเทศญี่ปุ่นถึงมีการพัฒนาเรื่องของอนิ เมะมาอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
Hakujaden - The Tale of the White Serpent
อนิเมะสีเรื่องแรกของญี่ปุ่นนั้นมีชื่อว่า ฮาคุจาเด็น (นางพญางูขาว , 1958) เป็นอนิเมะที่มีการวาดคล้ายๆแอนิเมชั่นของดิสนีย์ ซึ่งเป็นผลงานของ โตเอะแอนิเมชั่น ซึ่งเป็นผู้สร้างอนิเมะอันโด่งดังมากมาย เช่น ดราก้อนบอล เซเลอร์มูน และวันพีซ เป็นต้น
Hols : Prince of the Sun
อย่างไรก็ตามอนิเมะเรื่องแรกที่มีการฉีกสไตล์ให้แตกต่างจากแอนิเมชั่นของดิสนีย์ก็คือเรื่อง โฮลุส เจ้าชายแห่งดวงอาทิตย์ (Hols , Prince of the Sun , 1968) ผลงานของ อิซาโอะ ทากาฮาตะ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นผลงานของโตเอะเข่นกัน และยังเป็นอนิเมะที่มีอนาคตผู้กำกับฝีมือดีอย่าง ฮายาโอะ มิยาซากิ มาทำหน้าที่เป็นอนิเมเตอร์ และยังได้รับการยอมรับว่าเป็นอนิเมะที่มีสไตล์การวาดเป็นต้นแบบของอนิเมะในปัจจุบันอีกด้วย
Astroboy
ต่อมา อ.เทะซึกะ โอซามุ ก็ได้ก่อตั้งบริษัททำอนิเมชั่นขึ้นมาแข่งกับโทเอย์บ้างชื่อว่า มูชิโปรดักชั่น และในปี ค.ศ.1963 ก็ได้ส่ง เจ้าหนูปรมาณู ซึ่งถือว่าเป็นอนิเมะที่ฉายทางทีวีเรื่องแรกที่ได้รับความนิยมอย่างสูง หลายๆคนคิดว่านี่คืออนิเมะที่ฉายทางโทรทัศน์เรื่องแรก แต่แท้ที่จริงแล้วอนิเมะที่ฉายทางโทรทัศน์เรื่องแรกในรูปแบบมูวี่ก็คือ เรื่อง ทรีเทลส์ (1960) ส่วนเรื่องแรกที่ฉายแบบทีวีซีรีส์ คือ เรื่อง โอโตกิ มังกะ คาเลนดา (1961) ต่างหาก
ช่วงปี 1970s
ในช่วงนี้มีการแข่งขันอย่างรุนแรงจากวงการโทรทัศน์ส่งผลให้อุตสาหกรรมภาพ ยนต์ญี่ปุ่นหดตัวลง ส่งผลให้มีการลดจำนวนพนักงานของโตเอะลง และบางส่วนก็แยกตัวออกไปบริษัทอื่น ส่วนมูชิโปรดักชั่นก็ต้องล้มละลาย พนักงานเก่าจึงออกไปก่อตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาสองแห่ง ซึ่งได้ผลิตงานอนิเมะคุณภาพออกมามากมายในปัจจุบัน นั่นก็คือ แม้ดเฮาส์โปรดักชั่น (Madhouse) ( Beck , Di Gi Charat ,คาร์ดแคปเตอร์ซากุระ , Perfect Blue ) และ ซันไรส์ (กันดั้ม , ซิตี้ฮันเตอร์ , ไมฮิเมะ , Code Geass )
ในช่วงนี้ยังมีอนิเมะอมตะในหัวใจใครหลายๆคนอย่างเรื่อง โดราเอมอน (1973) ซึ่งมีเนื้อเรื่อวหลักมาจากหนังสือการ์ตูนเกิดขึ้นด้วย
นอกจากนี้ยังมีเรื่อง อิคคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญา ( 1975) การ์ตูนที่นำมาฉายบ้านเราซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่รู้กี่รอบ
Mobile Suit Gundam
และยังมีการเกิดขึ้นของอนิเมะแนวหุ่นยนต์ เช่น Mazinger Z (1972) , Space Battleship Yamato (1974) และ Mobile Suit Gundam (1979) ขึ้นมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาของอนิเมะแนวไซ-ไฟ จากเดิมที่จะออกไปทางซุปเปอร์ฮีโร่ได้กลายมาเป็นแนวที่สมจริงมากขึ้นอย่าง เช่นแนวอวกาศซึ่งมีแนวเรื่องที่ซับซ้อนและเริ่มเป็นการยากที่จะตัดสินอย่าง ชัดเจนว่าสิ่งใดคือสิ่งที่ถูกสิ่งใดผิดกันแน่
ซึ่งเรื่อง Mobile Suit Gundam (1979) ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในตำนวนของวงการอนิเมะเลยทีเดียว เพราะเป็นซีรีส์ที่ได้รับความนิยมและมีการสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับกัน ดั้มต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ช่วงปี 1980s
Space Battleship Yamato Movie ver.
ด้วยความนิยมของภาพยนตร์เรื่อง Star Wars ทำให้อนิเมะแนวอวกาศได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก ส่งผลให้มีการนำเอาอนิเมะเรื่อง เรือรบอวกาศยามาโตะ (Space Battleship Yamato) กลับมาทำใหม่ในรูปแบบอนิเมะที่ฉายในโรงภาพยนตร์ ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ “ยุคทองคำแห่งอนิเมะ” เลยทีเดียว
ในช่วงนี้เองที่ประเทศอเมริกาก็ได้มีการนำอนิเมะชื่อดังไปดัดแปลงเป็นแอ นิเมชั่นของตัวเองหลายต่อหลายเรื่อง เช่น Robotech ที่ดัดแปลงมาจากเรื่อง มาครอส ของญี่ปุ่นเป็นต้น
จากเหตุการณ์ยุคทองของอนิเมะนี้เองก่อให้เกิดกลุ่มบุคคลที่เรียกว่า โอตาคุ ขึ้นมา และส่งผลให้มีนิตยสารอนิเมะอย่าง Animage และ Newtype ขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของแฟนๆอีกด้วย
Daicon IV
นอกจากนั้นยังก่อให้เกิดกลุ่มผู้สร้างการ์ตูนมือสมัครเล่น ( แต่ฝีมือไม่ใช่เล่น ) อย่างกลุ่มที่มีชื่อว่า Daicon Film ซึ่งมีผลงานที่ได้รับการจับตามองเรื่องแรกๆก็คือการทำอนิเมะที่มีชื่อว่า Daicon III (1981) และ Daicon IV สำหรับงานเทศกาล Japan National SF Convention ซึ่งได้รับความนิยมจากกลุ่มโอตาคุเป็นอย่างมาก ต่อมากลุ่ม Daicon Film ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Studio Gainax สตูดิโอสุดแนวที่สร้างผลงานแปลกตาซึ่งโดนใจคนทั่วโลกอย่าง Evangelion , FLCL และ Gurren Lagann เป็นต้น
Nausicaä of the Valley of the Wind
ในช่วงนี้ก็ได้มีการสร้างอนิเมะชั้นเยี่ยมเรื่อง Nausicaä of the Valley of the Wind (1984) ขึ้นมา ซึ่งเรื่องนี้เป็นอนิเมะที่ทำให้ ฮายาโอะ มิยาซากิ โด่งดัง และเป็นต้นกำเนิดของการก่อตั้งสตูดิโอในดวงใจของคนหลายๆคนอย่าง Studio Ghibli ( Laputa , Totoro , Princess Mononoke , Spirited Away ) ขึ้นมาในภายหลัง
ในช่วงนี้ยังมีการเกิดขึ้นของ OVA ขึ้นมาอีกด้วย ซึ่งส่งผลให้เริ่มสามารถใช้ภาพที่มีเนื้อหาล่อแหลมในอนิเมะได้มากขึ้น
ในช่วงนี้ก็มีการนำหนังสือการ์ตูนชื่อดังอย่าง ดราก้อนบอล ( 1986) มาทำอนิเมะด้วย
จากความสำเร็จอย่างสูงของ Nausicaa ส่งผลให้มีความพยายามที่จะสร้างอนิเมะแบบมูวี่มากขึ้น และต่างก็มีการใช้งบประมาณที่สูงขึ้นในการสร้าง ซึ่งเรื่องที่ใช้งบประมาณมหาศาลที่สุดสองเรื่องในขณะนั้นก็คือ Royal Space Force: The Wings of Honneamise ( Gainax 800 ล้านเยน , 1987) และ Akira ( ร่วมทุนหลายบริษัท 1100 ล้านเยน ,1988)
The Wings of Honneamise
Akira แต่ดูเหมือนว่าอะไรอะไรจะไม่เป็นไปอย่างที่คิด เมื่ออนิเมะทั้งหลายทำรายได้ไม่ดีนักในประเทศญี่ปุ่น ไม่เว้นแม้แต่ 2 เรื่องข้างต้น ส่งผลให้มีสตูดิโอจำนวนมากต้องปิดตัวลง ดูเหมือนว่าจะมีก็แต่ Studio Ghibli เท่านั้นที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำแต่เพียงผู้เดียว
ถึงแม้ว่า Akira จะไม่ประสบความสำเร็จในประเทศญี่ปุ่นเอง แต่มันกลับเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ จนได้ชื่อว่าเป็น อนิเมะที่ดีที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา เลยทีเดียว
ช่วงปี 1990s
Neon Genesis Evangelion
ในปี 1995 ฮิเดอากิ อันโนะ ผู้ก่อตั้ง Studio Gainax ได้เขียนและกำกับอนิเมะเรื่อง Neon Genesis Evangelion ขึ้นมาซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในประเทศญี่ปุ่นเองและในต่างประเทศ อนิเมะเรื่องนี้ก่อให้เกิดการโต้เถียงหลายๆอย่าง เนื่องด้วยเนื้อหาที่เต็มไปด้วยปริศนาและคำโกหก อีกทั้งยังมีตอนจบที่แปลกหลุดโลกจนแฟนๆหลายคนรับไม่ได้ และมีการเรียกร้องให้อันโนะทำตอนจบขึ้นมาใหม่ (บางรายร้ายแรงถึงขนาดเขียนจดหมายขู่ฆ่าเลยก็มี) อันโนะจึงตัดสินใจทำ The End of Evangelion ขึ้นมาเป็นตอนจบอีกแบบหนึ่งของเรื่องนี้ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างมากจนได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก
หลังจากการประสบความสำเร็จอย่างมากของ Evangelion ส่งผลให้มีอนิเมะแนวชวนปวดหัวออกมาจำนวนมาก เช่น Serial Experiments Lain (1998) และ RahXephon (2002)
ในช่วงปี 90s ยังเป็นช่วงรุ่งโรจน์ของอนิเมะที่สร้างจากเกมอย่าง Pokemon ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงจากเด็กๆทั่วโลก จนเกิดเหตุการณ์ที่เป็นข่าวไปทั่วโลกว่าเกิด เหตุการณ์เด็กเกิดอาการช๊อคเนื่องจากดูอนิเมะเรื่องโปเกมอน (ตอน ทหารไฟฟ้าไพโรกอน) ซึ่งมีฉากการปล่อยแสงกระพิบซ้ำๆจำนวนมาก จนต้องมีการปรับเปลี่ยนเอฟเฟคให้ปลอดภัยมากขึ้น
ช่วงปี 2000s
อนิเมะในยุคนี้มีการใช้คอมพิวเตอร์กราฟิคเข้ามาช่วยพัฒนาคุณภาพของอนิเมะ กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอนิเมะที่มีพวกหุ่นยนต์ หรือเครื่องจักรต่างๆ ซึ่งนอกจากจะทำให้การเคลื่อนไหวลื่นไหลขึ้นแล้ว ยังเป็นการช่วยลดเวลาการทำงานให้น้อยลงอีกด้วย เนื่องจากการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยประมวลผลให้นั้นมันง่ายและสะดวกกว่าวาดด้วย มือเยอะ
ในช่วงนี้อนิเมะทั้งหลายถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเอาใจเหล่าโอตาคุมากขึ้น อนิเมะที่ฉายตอนดึกหลายๆเรื่องมีฉากแฟนเซอร์วิซจำนวนมาก และหลายเรื่องก็สร้างมาจากเกมโป๊อีกด้วยแต่ก็ได้มีการตัดฉากที่ไม่เหมาะสมอ อกไป เช่น Kanon , Air และ Shuffle! เป็นต้น
Melancholy of Haruhi Suzumiya
ในช่วงนี้มีอนิเมะที่ใช้เทคนิคการสร้างความแปลกประหลาดใจอย่าง การสลับลำดับการออกอากาศของเรื่อง Suzumiya Haruhi no Yuutsu ( Kyoto Animation ,2006 ) ซึ่งส่งผลให้เกิดการพูดถึงอย่างกว้างขวาง รวมถึงความนิยมในการเต้น Hare Hare Yukai Dance ซึ่งเป็นการเต้นตามเพลงจบของเรื่องนี้ในเว็บไซต์อย่าง Youtube ก็ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างสีสันต่อวงการอนิเมะเป็นอย่างมาก
Code Geass
Tengen Toppa Gurren Lagann
ในช่วงหลังนี้ก็มีอนิเมะที่น่าสนใจเกิดขึ้นมากมาย เช่น Gundam หลายๆภาค (Sunrise) , Code Geass (Sunrise) , Gurren Lagann (Gainax) , Lucky Star ( Kyoto Animation ) และเรื่องอื่นๆอีกมากมายในดวงใจหลายๆคน
อนาคตของแวดวงอนิเมะต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร พวกเราจะได้ร่วมกันเป็นพยานของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปครับ!!
เรียบเรียงจาก : http://en.wikipedia.org/wiki/History_of_anime