วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2551


ยุทธการดับไฟใต้ หรือยุทธการเลี้ยงไฟใต้ กับปริศนา "สายลับ" ทหาร
โดย : พณ ลานวรัญ
เมื่อ : 8/01/2008 12:33 PM

เมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา ผบ.ศปก.ตร.ส่วนหน้าคุมทหารยศ พ.ท. 2 นาย พร้อมพลเรือนอีก 1 คนมาทำการสอบสวน หลังพบพาสเวิร์ดเข้าศูนย์ข้อมูลยุทธการ กอ.รมน. ของเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คน ตกถึงมือแกนนำ อาร์เคเค. แต่เบื้องต้นทั้ง 3 ยังให้การปฏิเสธ

ความคืบหน้ากรณี พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผช.ผบ.ตร.ทำหน้าที่ ผบ.ศปก.ตร.ส่วนหน้า ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวน เชิญตัวนายทหารระดับ พ.ท. 2 นาย และข้าราชการพลเรือน 1 คน มาสอบสวนที่ ศปก.ตร.ส่วนหน้า เพื่อหาข้อเท็จจริงว่ามีส่วนพัวพันกับแกนนำ อาร์เคเค. จริงหรือไม่ เนื่องจากหลังจากที่ พ.ต.ท.พิชวุชญ์ สงวนสมบัติศิริ รอง ผกก.กลุ ่มงานสืบสวน ได้นำกำลังเข้าปิดล้อมจับกุมแกนนำ อาร์เคเค. ที่บ้านต้นหยี ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา สามารถจับตายนายยูฮัน ลาเต๊ะ นายฟาเด จิใจ และนายแวยูโซะ แวดือราแม ซึ่งมีตำแหน่งเป็น ผบ.ฝ่ายทหารของขบวนการบีอาร์เอ็นโคออร์ดิเนต และจับเป็นแนวร่วมได้ 5 คน พร้อมยึดคอมพิวเตอร์และแผ่นดิสก์ มาทำการตรวจสอบ พบว่ามีรายชื่อของนายทหาร 2 นาย พลเรือน 1 นาย อยู่ในแผ่นดิสกฺ์ดังกล่าว จึงได้รายงานให้ พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 ทำหน้าที่ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ทราบ และขอตัวคนทั้ง 3 มาทำการสอบสวน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ ศปก.ตร.สวนหน้า ได้ควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 นาย เพื่อทำการสอบสวนต่อไป โดยมีนายทหารจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ร่วมสอบสวนด้วย โดยล่าสุดแหล่งข่าวระดับสูงใน ศปก.ตร.ส่วนหน้า ได้เปิดเผยให้ทราบว่า มีผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนพัวพันกับ แกนนำขบวนการทั้ง 3 คนจริง โดยเป็นนายทหารยศพันโท ทำหน้าที่ ผบ.ฉก.1 นาย ระดับ จ.ส.อ. 1 นาย และเป็นพลเรือนซึ่งเป็นอาจารย์ 1 คน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อนามสกุลได้ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างสอบสวนหาข้อเท็จจริง

ส่วนสาเหตุที่ต้องนำตัวมาสอบสวน เนื่องจากจากการตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ และแผ่นดิสก์ของแกนนำ อาร์เคเค.ที่ยึดมาได้ เจ้าหน้าที่พบรหัสประจำตัว หรือพาสเวิร์ดของเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คน ปรากฏอยู่ในแผ่นดิสก์ โดยรหัสส่วนตัวดังกล่าว เป็นรหัสที่ แกนนำ อาร์เคเค. สามารถผ่านเข้าไปเจาะข้อมูลด้านยุทธการของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าได้ เป็นเหตุให้แกนนำขบวนการ สามารถรู้ข้อมูลขั้นความลับของกองทัพ จึงสามารถวางแผน ตอบโต้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ได้ผลทุกครั้ง เพราะล่วงรู้แผนการทางด้านยุทธการนั่นเอง

จากการสอบสวนในขั้นแรก เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 นาย ยังให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นผู้ให้รหัสผ่านกับ แกนนำ อาร์เคเค.ทั้ง 3 คนที่ถูกยิงเสียชีวิต ดังนั้นจึงเจ้าหน้าที่ จึงต้องทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไปว่า รหัสผ่านดังกล่าว ตกอยู่ในมือของแกนนำขบวนการอย่างไร หรือใครเป็นผู้บอกกับแกนนำของขบวนการ ???

หลังจากอ่านข่าวดังกล่าวจากเวปไซด์ผู้จัดการ หลายคนอาจคิดตกใจว่าแกนนำฝ่ายอาร์เคเคมีศักยภาพที่น่ากลัวอย่างยิ่งในการหา ข่าว มีความรู้ ความสามารถและมีมืออาชีพถึงขั้นเจาะข้อมูลได้ จนสามารถต่อต้านข่าวกรองและตอบโต้ยุทธการของฝ่ายรัฐได้ บ้างก็อาจคิดว่า อาจจะมีหนอนบ่อนไส้ในฝ่ายรัฐส่งข้อมูลลับให้

แต่หลังจากรับรู้เรื่องนี้นั้น มันทำให้ผมนึกย้อนไปถึงยุคสมัยสงครามเวียดนาม ยุคสงครามเย็น จนถึงภาพยนต์คลาสสิคเรื่อง 2 คน 2 คม ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างมี "สายลับ" แฝงตัวเข้ามา จับได้ไล่ทันมันไม่มีวันสิ้นสุด

เพื่อนตำรวจบอกผมว่า ในการจับกุมการลักลอบค้ายาเสพติด หรือการขนยาเสพติดล๊อตใหญ่ๆ หลายครั้ง ส่วนมากก็มาจากได้รับรายงานข่าวจาก "สายลับ" ที่แฝงตัวเข้าไปในขบวนการ แจ้งเบาะแส เวลา สถานที่หรือพาหนะและรูปพรรณมา..

ด้านที่สำคัญคงต้องเห็นใจการทำงานของ "สายลับ" เหล่านั้นเป็นอย่างมากที่เสียสละเสี่ยงชีวิตอยู่ในความเป็นความตายเพื่อบ้านเมือง และแน่นอน ขบวนการค้ายาเสพติด ของเถื่อน ตลาดมืด บ่อนการพนัน ย่อมมี "สาย" ของเจ้าหน้าที่เข้าไปปะปนหาข่าวอยู่ไม่มากก็น้อยในแต่ละขบวนการ บ้างก็ฝังตัวอยู่อย่างยาวนาน เพื่อแสวงหาข้อมูลหลักฐานตามระดับชั้นที่ต้องการ หรือตามเป้าหมายที่ทางการต้องการ ซึ่งอาจจะต้องปล่อยผ่านบางเรื่อง เพื่อไปสู่บางเรื่อง หรือเพื่อเรื่องที่ต้องการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

การสั่งสมของยุทธการนี้ ย่อมเกิดอาณาจักร "สีเทา" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การผ่านไปมาของขาวกับดำย่อมมีการหาผลประโยชน์ในช่วงสีเทาเป็นธรรมดา สายบางคนก็กลายเป็นโจรไปจริงๆ หรือสายโจรมาเป็นตำรวจจริงๆ อย่างในภาพยนต์ 2 คน 2 คมก็คงเป็นไปได้ ถ้ามี

เราจึงเห็นภาพในสังคมว่า ทำไมเจ้าหน้าที่บางนายถึงกลายเป็นโจร หรือเป็นผู้มีอิทธิพลไปได้ บางคนไปคุมบ่อน ค้ายา ของเถื่อน เสียเองดังที่รู้เห็นกันอยู่ บ้างก็เลี้ยงสาย กลายเป็น "ซุ้มมือปืน" หรือชุมนุมมาเฟียก็มาก แน่นอนอาณาจักรสีเทาหลายส่วนถูกดูแลและกำกับโดยบิ๊กตำรวจ หรือเสธ.ทหารคนใหญ่คนโตกันทั้งนั้น โดยเฉพาะธุรกิจการรักษาความปลอดภัย ส่วยและการค้าของเถื่อน

แน่นอน คดีเหล่านี้ ขึ้นอยู่ว่า จะจับอะไร ปล่อยอะไร โชว์อะไร เพื่อไม่ให้ชัดเจนเกินไปนักในสังคม และหรือหาก "หน่วยเหนือ" ขอมา

ย้ำว่าที่กล่าว เป็นเจ้าหน้าที่สีเทาส่วนน้อยนะครับ ในวงการก็รู้ๆ กันอยู่

หน่วยการข่าว เพื่อหาข่าวกรองและต่อต้านข่าวกรอง มันเป็นยุทธการมาอย่างช้านานแล้วของฝ่ายรัฐ ในยุคสงครามเย็นหน่วยการข่าวนี้ทำหน้าที่ถึง การปฏิบัติการเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายเลยทีเดียว ยกตัวอย่างยุทธการหนึ่งซึ่งมหาอำนาจเคยวางแผนให้ประเทศเป็นกลางต่อต้านฝ่ายศัตรู ตามยุทธวิธีแบ่งแยกและโดดเดี่ยวศัตรู

ขั้นที่ 1 ท่านไม่จำเป็นต้องสนับสนุนเรา ขอเพียงแต่อย่าสนับสนุนฝ่ายตรงข้าม ขั้นที่ 2 ท่านไม่ต้องเห็นด้วยกับเรา แต่ท่านต้องไม่เห็นด้วยกับฝ่ายตรงข้าม ขั้นที่ 3 ท่านไม่ต้องร่วมกับเรา แต่ท่านต้องต่อต้านฝ่ายตรงข้าม...

ในสมัยสงครามเวียดนาม ได้รับการยืนยันว่า สมัยนั้นกองทัพมหาอำนาจถึงขั้นจัดตั้งหน่วยลับออกปฏิบัติการในยามค่ำคืน (ฆ่า-ลากไส้ ฯลฯ) ต่อพลเมืองเวียดนามในไซ่ง่อนเพื่อโยนความผิดและสร้างภาพอำมหิตผิดมนุษย์ให้พวกเวียดกง

แน่นอน จนถึงวันนี้ขบวนการก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีตัวตนอยู่จริง บ้างก็มีการจัดตั้งเป็นสายงานเป็นขบวนการ จากความคิด ความเชื่อและบุคคล และระดับย่อยที่กระจายตัวในพื้นที่ต่างๆ ในรูปแบบที่ไม่มีเอกภาพและไร้การบังคับบัญชารวมศูนย์แต่เน้นการตอบโต้ภาค รัฐเป็นหลัก ตามรูปแบบสงครามยุคใหม่-ศัตรูที่ไร้ตัวตนของรัฐ บ้างก็มาจากความคับแค้นของชาวบ้านเองที่ได้รับจากฝ่ายรัฐ บ้างก็มาจากขบวนการค้ายาเสพติด น้ำมันและของเถื่อนเอง ออกโรงผสมปนเปกันไปจนเป็นเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างในขณะ นี้ และฝ่ายความมั่นคงก็รู้ปัญหาดี

ผมสอบถามไปยังข้าราชการระดับซี 10 ซึ่งใกล้ชิดความรับผิดชอบในเรื่องปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยผู้หนึ่ง ยืนยันว่า แกนนำ อาร์เคเค.ทั้ง 3 คนที่ถูกยิงเสียชีวิตซึ่งมีรหัสผ่านเข้าข้อมูลและยุทธการของกองอำนวยการ รักษาความมั่นคงภาค 4 ส่วนหน้านั้น เป็นสายของเจ้าหน้าที่ทหาร !!!

เพียงแต่ว่า หน่วยที่ไปปฏิบัติการจับกุมเป็นคนละหน่วยงานที่ไม่รู้กันว่าใครเป็นสายใคร!!!

สรุปว่า ปัญหาความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากกลุ่มขบวนการที่ว่ามา ฝ่ายความมั่นคงมีเอี่ยวด้วย!!!

ผมย้อนนึกไปถึงพื้นที่สีเทาที่ขาวกับดำใช้แสวงหาผลประโยชน์ และแน่นอน บนระนาบเดียวกันของเส้นเจ้าหน้าที่รัฐกับโจรนี้มีประชาชนอยู่ตรงกลางและ เป็นผู้ถูกกระทำโดยตลอดมา...

ผมนึกไปถึงงบประมาณทหารปีละนับหมื่นล้านเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ งบลับกองทัพที่ประชาชนตรวจสอบไม่ได้ การค้าอาวุธเถื่อนและตลาดมืดซึ่งไม่รู้ใครหรือนักการเมืองหน้าไหนเกี่ยว ข้องหรือได้ประโยชน์อยู่กับมันบ้าง

ทำเอาสงสัยว่า ยุทธการทางการทหารที่ใช้กันแบบนี้ เป็นยุทธการดับไฟใต้ หรือเลี้ยงไฟใต้ (ไว้ให้นานๆ) กันแน่ !!!...


ที่มา : Thai-NGO


ไม่มีความคิดเห็น: